BBC Thai วันที่ 7/08/59
*****คณะสงฆ์ปัตตานีออกคำชี้แจงไม่เห็นด้วยกับพระมหาอภิชาติที่
แสดงความไม่พอใจมุสลิมเรื่องปัญหาสามจังหวัดใต้ ขณะเดียวกัน
สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย โพสต์เฟสบุ๊กส์ให้กำลังใจ และ
ชมเชยพระมหาอภิชาติ ว่าเป็นเพชรแท้ของชาวพุทธไทยยุคปัจจุบัน
และย้ำว่าจะไม่วันทอดทิ้งกัน*****
คณะสงฆ์ปัตตานีออกคำชี้แจงไม่เห็นด้วยกับพระมหาอภิชาติที่แสดง
ความไม่พอใจมุสลิมเรื่องปัญหาสามจังหวัดใต้ ระบุเป็นการบิดเบือน
ศาสนาและเพิ่มปัญหาความแตกแยกให้พื้นที่
คำชี้แจงนี้เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี พระสิริจริยาลังการหรือเจ้าคุณชรัช
ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กมีความยาวสองหน้ากระดาษ เรื่อง คำชี้แจง
ของคณะกรรมการฝ่ายการปกครอง คณะสงฆ์จังหวัดปัตตานี กรณี
พระมหาอภิชาติ ปุณณจนโท ตอบโต้กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติฯ ลงวันที่ 5
ส.ค.2559
ใจความสำคัญของคำชี้แจงระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการที่พระมหาอภิ
ชาติ ออกคลิปในยูทูปตอบโต้การที่ถูกมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติส่ง
หนังสือร้องเรียนไปยังทางการขอให้ระงับยับยั้งการที่พระมหาอภิชาติ
ออกมากล่าวสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงกับมุสลิมในสามจังหวัดภาค
ใต้ โดยในคำร้องเรียนกล่าวว่า การกระทำเช่นนั้นบ่อนทำลายความ
มั่นคงของประเทศ และผลของหนังสือร้องเรียนฉบับนั้นทำให้
สำนักงานพระพุทธศาสนามีหนังสือถึงวัดที่พระมหาอภิชาติจำพรรษา
อยู่ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระสงฆ์รูปนี้
ในคลิปตอบโต้มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ พระมหาอภิชาติตั้งคำถามว่า
มูลนิธิอาจอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดาภาค
ใต้พร้อมกันนั้นยืนยันคำพูดเดิมที่เคยกล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วอันเป็นที่มา
ของการที่ถูกขอร้องจากเจ้าหน้าที่ให้ปิดเฟซบุ๊ก นั่นคือขอให้ชาว
พุทธตอบโต้การทำร้ายพระภิกษุแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน คือหากมี
การสังหารพระ ให้เผามัสยิด โดยบอกว่า ที่ผ่านมาแนวทางแก้ปัญหา
แบบสันติของทางการไม่ได้ผลและชาวพุทธทนไม่ได้อีกต่อไป “พระ
สงฆ์ไทยจะเป็นคนนำหน้าพี่น้องชาวพุทธเล่นงานพวกคุณ และเขาจะ
เปิดทั่วประเทศเพราะเขาถูกกดดันมานานแล้ว เขายอมรับชะตากรรม
มานานแล้ว” พระมหาอภิชาติกล่าวในตอนหนึ่ง พร้อมยกตัวอย่างให้
เห็นการกระทำของพระวีระธุของเมียนมาที่ปราบปรามโรฮิงญาว่าสิ่ง
นั้นจะเกิดขึ้นได้ในไทย
แต่ในหนังสือชี้แจงของคณะกรรมการฝ่ายการปกครอง คณะสงฆ์
จังหวัดปัตตานีระบุว่า การแสดงออกของพระมหาอภิชาติที่
“แสดงออกทั้งทางกายและวาจา ที่ประกอบไปด้วยโทสะเป็นที่ตั้ง
แสดงอาการกราดเกรี้ยว โกรธแค้น ชิงชัง คุกคาม ใช้วาจาหยาบคาย
ข่มขู่ผู้คนที่ถือเป็นฝ่ายตรงข้าม” เป็นการชี้ให้เห็นถึง “การขาดความ
เป็นสมณสารูปของตนเองต่อสาธารณชน” และ “บิดเบือนหลักคำสอน
ที่แท้จริงของพุทธศาสนา”
คณะกรรมการบอกว่า ได้มีการประชุมกันเป็นกรณีพิเศษเมื่อวันที่ 5
ส.ค.ที่ผ่านมาเพื่อหารือคลายความกังวลและความเข้าใจผิดของ
คนในพื้นที่ โดยมีพระสงค์ 9 รูปที่ประกอบไปด้วยเจ้าคณะจังหวัด รอง
เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอเมือง และอำเภอต่างๆในปัตตานี และ
มีผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาของปัตตานีเข้าประชุมด้วย ที่
ประชุมสรุปว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพระมหาอภิชาติ การทำ
เช่นนี้ถือว่าบิดเบือนคำสอนในศาสนา ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่
ของประชาชนในพื้นที่เพราะก่อให้เกิดความหวาดระแวงต่อกัน ทั้งยัง
ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในภาวะของความเป็นภิกษุ-สามเณรในพุทธ
ศาสนา นอกจากนั้นยังขอให้ประชาชน พระภิกษุ สามเณรอย่าได้
สนับสนุนการกระทำของพระมหาอภิชาติ สุดท้ายคำชี้แจงระบุว่าคณะ
กรรมการฝ่ายปกครอง คณะสงฆ์ปัตตานีแสดงความเสียใจ ไม่
สนับสนุน ไม่ยอมรับการกระทำของพระมหาอภิชาติ
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่พระมหาอภิชาติออกคลิปยูทูป ทางมูลนิธิ
มุสลิมเพื่อสันติก็ออกมาตอบโต้ เช่นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิให้สัมภาษณ์
กับโทรทัศน์ไวท์แชนแนลชี้ว่า เหตุที่ต้องทำหนังสือร้องเรียนไปถึง
ทางการให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระมหาอภิชาติก็เพราะได้
พยายามติดต่อเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกันแต่ไม่เคยเข้าถึงหรือเข้า
พบตัวได้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิระบุว่า เกรงว่าคำพูดของพระมหาอภิชาติจะ
ปลุกกระแสให้เกิดความรุนแรงระหว่างคนต่างศาสนาแบบในเมียนมา
พร้อมกันนั้นโต้ข้อคิดจากพระมหาอภิชาติหลายเรื่อง เช่นประเด็นของ
โรฮิงญาที่ตกเป็นเป้าของพระในเมียนมานั้นที่จริงไม่ใช่เป็นเรื่องของ
การที่มีโรฮิงญาข่มขืนคนพุทธ แต่เป็นเรื่องเพราะมีการเหยียดเชื้อ
ชาติกันในประเทศนั้น นอกจากนี้ยังโต้ด้วยว่า การที่บอกว่ามุสลิม
รังแกคนพุทธนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุการณ์
หลายที่ที่มีกระแสต่อต้านการสร้างมัสยิดหรือห้ามคลุมผมหรือให้มี
อาหารฮาลาลว่าเป็นตัวอย่างในทางตรงกันข้าม รวมทั้งหากจะบอกว่า
พระสงฆ์ถูกฆ่าตาย 12 รูปในช่วงของความขัดแย้ง 12 ปีที่ผ่านมา แต่
มุสลิมเสียชีวิตจำนวนมากกว่า โดยบอกว่าในปี 2547 เพียงปีเดียวมี
มุสลิมเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์กรือเซะไปกว่าร้อยคน และคนที่ทำให้
คนเหล่านั้นตายก็ไม่ใช่มุสลิมแต่อย่างใด
กระแสของการตอบโต้กันไปมาที่เริ่มแรงขึ้นในโลกออนไลน์ส่งผลกระ
ทบต่อความรู้สึกของคนในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ ผู้ใช้โซเชียลมีเดีย
ชาวพุทธในพื้นที่บางคนแสดงความอึดอัดโดยชี้ว่าเรื่องนี้จะยิ่งเพิ่ม
เงื่อนไขความขัดแย้ง และว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดไม่ใช่เรื่อง
ของความขัดแย้งทางศาสนา และทุกฝ่ายต่างสูญเสียเหมือนกันทั้ง
สิ้น ในขณะที่ที่ผ่านมาคนต่างศาสนิกอยู่ร่วมกันได้
“ การแก้ปัญหาในพื้นที่ ไม่สามารถใช้ความรุนแรงได้หรอกครับ ต้อง
อาศัยความเข้าใจกัน การคุยกันมากกว่า ในประเด็นความรุนแรงใน
พื้นที่ คนมุสลิมเห็นชอบด้วยทุกคนหรือไม่ มันก็คงไม่ใช่เช่นกัน คน
มุสลิมส่วนใหญ่ เขาก็ต้องการอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ ทำมาหากินกัน
แบบปกติ เหมือนกันครับ” รักชาติ สุวรรณ คนพุทธในพื้นที่จากเครือ
ข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพเขียนไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว
“พระผู้ใหญ่ เคยบอกว่า ทำไมเราไม่รักษาประเพณี วัฒนธรรมของคน
พุทธไว้ให้เหนียวแน่น เรื่องนี้ต่างหากที่จะรักษาพุทธศาสนาไว้ใน
พื้นที่ แต่ก็ยังคงมีพระภิกษุอีกกลุ่มที่กำลังโหยหาความขัดแย้ง โดย
การอ้างว่า มุสลิม หรืออิสลาม มาทำร้ายคนพุทธ หรือพยายามเชื่อม
โยงไปถึงภาครัฐในกรณีวัดธรรมกาย ด้วยซ้ำไป พยายามยกเรื่องราว
ของรัฐอุ้มชูอิสลามมากกว่าพุทธ” เขาบอกว่าไม่มีทางที่คนต่างศาสนา
จะทำลายศาสนาพุทธได้ แต่คนพุทธต่างหากที่จะทำลายศาสนาตัว
เอง
ที่มาและภาพ -
https://www.facebook.com/BBCThai/posts/1805123346375364
_______________________________________
_______________________________________
โพสต์ในเฟสบุ๊กส์ส่วนตัวของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ร้อยโท ดร. บรรจบ
บรรณรุจิ ประธานคณะกรรมการรณรงค์พระพุทธศาสนาเป็นศาสนา
ประจำชาติ และเป็นแกนนำที่พยายามผลักดันให้ศาสนาพุธเป็น
ศาสนาประจำชาติในไทย
*************************************
เรื่อง พระมหาอภิชาตถูกร้องเรียน
เรียน พี่น้องชาวพุทธทุกท่าน
จากสถานการณ์ที่เกืดขึ้นรุมเร้าบุคลากรและสถาบันพระพุทธศาสนา
อย่างที่ท่านทั้งหลายทราบมาแล้วนั้น สมาพันธ์ชาวพุทธแห่ง
ประเทศไทยเฝ้าติดตามด้วยความเป็นห่วง เพราะตลอดเวลาที่ผ่าน
มา สถาบ้นพระพุทธศาสนาของไทยเราไม่เคยพบกับแรงบีบคั้นเช่นนี้
มาเลย แต่ไม่เป็นไร ทุกอย่างคือบทเรียนที่เรายังโชคดีที่เรียนรู้ได้ทัน
และมั่นใจว่าแก้ไขได้แน่
บัดนี้ เป็นที่รู้กันว่าสถาบันพระพุทธศาสนามีภัย แต่ก็สรุปว่า เรามีภัย
๒ ภัย คือ ๑. ภัยภายในซึ่งเกิดจากบุคลากรพุทธเอง ๒. ภัยภายนอก
ซึ่งเกิดจากบุคคลอื่นศาสนาอื่นลัทธิอื่น และสรุปตรงกันว่า ภัยภายใน
เราสามารถแก้ไขได้ แต่ภัยภายนอกเป็นภัยที่เราต้องรีบรู้ทันและ
ป้องกันให้ได้ ซึ่งก็ไม่ยากอะไรหากเรามีใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพระพุทธ
ศาสนา
เรากำลังแบ่งภัยภายนอกเป็นกลุ่ม ๆ เช่นกลุ่มทำลายบุคลากรของ
พระพุทธศาสนา ด้วยการชวนทะเลาะ ใส่ร้าย ด่าทอ
แบบหยาบคาย และข่มขู่ เพื่อให้เกิดความกลัว อย่างที่คนกลุ่มหนึ่ง
กำลังทำอยู่
กลุ่มทำลายสถาบันพระพุทธศาสนา ด้วยการทำลายความน่าเชื่อของ
สถาบัน เช่น ลงภาพพระไม่เหมาะสม การเหยียบย่ำรูปเคารพ เช่น
เหยียบพระพุทธรูป โพสต์ภาพพระถูกฝรั่งถีบหน้า ซึ่งเราก็รู้ว่าในชีวิต
จริงๆไม่มีฝรั่งคนไหนกล้าทำกับพระในพระพุทธศาสนาอย่างนั้น
หรอก เพราะใจฝรั่งไม่หยาบช้าพอ
กลุ่มทำลายความสามัคคี ด้วยการรักษาความแตกต่างของศาสนาตน
ที่เรียกว่า "อัตลักษณ์" ไว้เพื่อใช้อ้างให้เกิดความแตกแยก เพราะหาก
เราคัดค้านหรือไม่ยอมเขาจะจับมือกับนักสิทธิมนุษยชนอ้างสิทธิขั้น
พื้นฐานทันที โดยที่เขาไม่เคยคิดว่า สังคมเราซึ่งส่วนใหญ่คือสังคม
ของคนพุทธก็มีสิทธิขั้นพื้นฐานเหมือนกัน แต่แปลกนะ เวลาเขาอ้าง
เราฟัง แต่เวลาเราอ้างบ้างเขาไม่ฟัง เมื่อก่อนสงสัยว่าทำไม แต่เดี๋ยว
นี้เข้าใจแล้วว่า ถ้าเขาฟัง ก็สร้างความแตกแยกไม่ได้ ดังนั้นเขาต้อง
ไม่ฟังลูกเดียว ยิ่งกว่านั่น เขายังะยายามทำลายวัฒนธรรมของชาติ
เช่น การเคารพพระราชานุสาวรีย์ โดยอ้างว่าขาทำไม่ได้เพราะปิด
หลักศาสนา แต่น่าประหลาด มหาวิทยาลัยของรัฐหลายแห่ง และ
ทหารในฐานะเป็นทหารของพระราชากลับไม่สนใจในเรื่องนี้ แปลกใจ
จริง ๆ
กลุ่มกดชาวพุทธให้ต่ำ ด้วยการหยิบยกพฤติกรรมขาดศีลธรรมมา
ประจานเช่น การมีอบายมุข การมีโสเภณี และเยาะเย้ยว่านี่หรือสังคม
พุทธ โดยลืมนึกไปว่าพฤติกรรมเลวร้ายเช่นนั้น คนศาสนาของเขาก็
ทำ คนของเขาที่ขายตัวก็มี ชายชาวพุทธหลายคนก็เคยใช้บริการทาง
เพศของหญิงศาสนิกของเขา คนของเขาที่กืนเหล้าเมายาหัวราน้ำก็มี
แต่เขาจะละเว้นไม่พูดถึงเลย
กลุ่มใช้คำสอนพุทธย้อนศรพุทธ ด้วยการตอกย้ำเวลาที่ชาวพุทธมี
ปฏิกิริยาโต้ตอบเขาแบบแรงๆ เขาจะบอกว่านั่นไม่ใช่วิธีการของพุทธ
ถ้าเป็นของพุทธต้องไม่รุนแรง แต่สำหรับเขา เมื่อมีการใช้ความรุนแรง
เกิดเขึ้น บ่อยครั้งที่มีบาดเจ็บล้มตาย พอเราประท้วงหรือสอบถามไป
ก็จะได้แต่คำตอบว่า นั่นไม่ใช่พวกเขา ศาสนาเขาสอนให้เมตตาแม้
กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า ...เมตตายังไงถึงแผ่ไปไม่ถึงคนเลย เห็นต้นไม้
ใบหญ้าก็แหลกราญเพราะสงครามสู้รบกีนไม่เลิก ฆ่ากันเป็นว่า
เล่น..จึงทำให้พุทธต้องมาย้อนศรบ้างว่า...ที่ทำชั่วก็ไม่ใช่พุทธ เพราะ
พุทธสอนกันให้รังเกียจความชั่วแม่เล็กน้อยเท่าปลายเข็มก็ให้เห็นเป็น
ของใหญ่ดังก้อนเมฆ ...
สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทยได้เรียนรู้กลุ่มต่างๆเหล่านี้มาก
พอ และเราก็มีกลุ่มคนที่จะทำบทบาทอย่างนี้แล้ว แต่เขายืนยันว่าจะ
ไมรังแกทำร้ายใคร ทำก็เพื่อให้พระพุทธศาสนาอยู่ได้อย่างมั่นคงและ
สง่างาม
กรณีของพระมหาอภิชาตซึ่งเป็นพระสงฆ์ของพระพุทธศาสนา สมา
พันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทยก็ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย
ซึ่งก็หวังว่าพี่น้องชาวพุทธคงจะเข้าใจท่านว่าแม้จะเป็นพระสงฆ์ แต่
ท่านก็ยังเป็นปุถุชน ที่แม้จะกำลังเดินตามทางพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสู่
การละโลภโกรธหลงแต่ด้วยเหตุที่ยังตัดรักอาลัยไม่ขาด จึงอดหวั่น
ไหวไม่ได้ ในการจากไปของญาติเพราะการก่อการร้ายในศาสนาจน
ต้องระบายความเจ็บปวดออกมาให้ฝ่ายก่อการได้ทราบ
พระมหาอภิชาตเป็นพระดี ไม่ขัดขืนผู้บังคับบัญชาคือเจ้าอาวาส ไม่
เป็นปฏิปักษ์ต่อราชการ และที่สำคัญคือไม่ตีโพยตีพายฟ้องใคร
ยอมรับคำเตือน และการกล่าวหาโดยดุษณีย์ ทั้งๆที่เจ็บปวด สมาพันธ์
ชาวพุทธแห่งประเทศไทย
จึงขอให้กำลังใจและขอยืนยันว่า จะไม่ทอดทิ้งท่านให้โดดเดี่ยว
เพราะท่านคือเพชรแท้ของชาวพุทธไทยยุคปัจจุบัน
เราไม่ทิ้งกัน
สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย
๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙
๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙