Wednesday, August 10, 2016

⚠ กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินยื่นหนังสือถึงนายกต่อต้านพรบ.ส่งเสริมการฮัจย์

กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินนำโดยดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีพ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2559 เพื่อเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลมีการชะลอหรือระงับร่างพระราชบัญญัติส่ง เสริมการฮัจย์







- ดร.จรูญ อ้างว่าทางรัฐบาลไทยนำเงินภาษีประชาชนชาวพุทธ มาจ่ายเงินให้ชาวมุสลิมไทยไปทำฮัจย์ โดยมีการจ้างเหมาเครื่องบินให้ทั้งลำ


นี้เป็นหนึ่งในประเด็นที่ทางกลุ่มพุทธเหล่านี้ที่นำข้อมูลเท็จมาประโคมในโลก โซเชียลมีเดียให้ชาวพุทธเข้าใจผิดมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงมุสลิมทุกๆ คนในไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายไปทำฮัจย์เองทั้งหมด


พรบ.กิจการฮัจย์ก็คือ เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องหนังสือเดินทาง การดำเนินเรื่องขอวีซ่า การตรวจโรค การเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ให้ดีขึ้น ป้องกันการถูกลอยแพ (จากเพจ Save Islam)


- อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกนำข้อมูลเท็จมาเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียโดยทางกลุ่ม อ้างว่า ทางรัฐบาลไทยให้เงินสนับสนุนสร้างมัสยิดเป็นจำนวนมาก แต่ตรงกันข้ามกับชาวพุทธที่ต้องเรี่ยรายเงินกันเองเวลาที่จะสร้างวัด ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีพุทธมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์


- กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินยังเคยนำกลุ่ม ซึ่งนำโดยพระออกมาประกาศต่อต้านสินค้าต่างๆ ที่มีการประทับตราฮาลาลก่อนหน้านี้



‪#‎อิสลามโมโฟเบียในไทย‬


******************9 สิงหาคม 2559

เรื่อง ขอให้ชะลอหรือระงับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการฮัจย์

เรียน ฯพณฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี


ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการฮัจย์พ.ศ.....ซึ่งมีการผ่านพ้น ไปแล้วหนึ่งวาระนั้น ทางกลุ่มชาวพุทธพลังผ่นดิน ได้เฝ้าติดตามร่างพรบ.ฉบับดังกล่าวมาโดยตลอด พร้อมทั้งมีความกังวลใจเป็นอันมาก เพราะพรบ.ดังกล่าวจะเป็นชนวนปัญหาสร้างความแตกแยกของคนในประเทศได้ อันเนื่องมาจากปัญหา 3 ประการ ดังนี้


1.การกำหนดให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่มีอยู่ทั่วทุกส่วนของภูมิภาคของประเทศดูแลกิจการ ฮัจย์แทนกรมการศาสนามาแต่เดิมนั้น เป็นขยายฐานอำนาจของศาสนาอิสลามให้กระจายไปอยู่ในทุกหน่วยงานของกรมการ ปกครองทุกประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที้งหมดไม่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องกิจการฮัจย์ อันจะเป็นการเพิ่มงานและปัญหาให้กับหน่วยงานนี้เข้าไปอีก เมื่อเป็นเป็นเช่นนั้น จะต้องเพิ่มคนมุสลิมเข้าไปทุกแห่งของกรมการปกครอง เพื่อให้สอดคล้องกับ พรบ.นี้


2.พรบ.นี้จะเป็นเหมือนการตั้งกระทรวงขึ้นมาใหม่ เพราะให้มีทั้งสำนักงานเป็นนิติบุคคลเป็นของตัวเอง มีคณะกรรมการบริหารที่มีอำนาจกำหนดนโยบาย ออกระเบียบต่างๆ ได้เอง มีงบประมาณ มีเจ้าหน้าที่ และอื่นๆ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก และบุคลากรที่ครอบคลุทไปทุกพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีมุสลิมอยู่


3. พรบ.นี้เป็นเพียงกิจกรรมในการอำนวยความสะดวกให้คนเดินทางไปทำความเคารพสถาน ที่ทางศาสนาเท่านั้น ซึ่งคนทุกศาสนาก็ทำกันอยู่แล้ว และเป็นเรื่องศรัทธาปัจเจกบุคคล แต่พรบ.นี้ได้นำเงินภาษีของคนทั้งประเทศมากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์มาส่งเสริมให้มุสลิมเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ใช้จ่าย เสมือนรัฐได้สร้างความเลื่อมล้ำให้เกิดในสังคมไทยเสียเอง ทั้งไม่ยุติธรรมกับคนนับถือศาสนาอื่น


ที่มาและรูปภาพ - เพจ Save Islam

กองทัพอิสราเอลสังหารเด็กกาซ่า 50 คน ภายใน 2 วัน

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรยูนิเซฟ UNICEF ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีที่นองเลือดในฉนวนกาซาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย...