Wednesday, August 17, 2016

สภาพเด็กๆ ที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัฐบาลซีเรีย/รัสเซีย

17 สิงหาคม 2016



เป็นคลิปที่ถูกแชร์อย่างแพร่หลายไปทั่วโลก โดยฉายให้เห็นด.ช.โอมราน ดัคนี๊ช Omran Daqneesh วัย 5 ปีที่ถูกนำตัวมานั่งอยู่บนรถพยาบาล อยู่ในสภาพที่ช็อค เลือดอาบบริเวณใบหน้า นั่งเท้าเปล่า แล้วเอามือน้อยๆ ปาดเลือดที่ไหลจากบริเวณหน้าผาก


ด.ช.โอมราน เป็นหนึ่งในจำนวนของเด็กที่บาดเจ็บ 5 คน มีสตรี 1 คนและเด็กหนุ่มอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน หน่วยกู้ภัยได้รุดเข้าช่วยชีวิตประชาชนในขณะที่พวกเขาติดอยู่ใต้ซากบ้านใน ย่าน Qaterji จังหวัดอเลปโป เมื่อตอนกลางคืนของวันพุทธที่ 17 สิงหาคม 2016 โดยเครื่องบินรบของรัฐบาลอัสซาด/รัสเซีย ทิ้งระเบิดถล่มอเลปโปตะวันออกอย่างหนัก หลังจากที่กลุ่มของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัสซาด สามารถยึดพื้นที่บริเวณต่างๆ ของอเลปโปกลับมาได้


ด.ช.โอมรานถูกส่งไปที่โรงพยาบาลM10 ซึ่งโรงพยาบาลเองก็ตกเป็นเป้าโจมตีทางอากาศจากรัฐบาลซีเรียหลายต่อหลายครั้ง มาแล้วเช่นกัน ทางแพทย์ได้ทำแผลบริเวณศีรษะของด.ช.โอมราน และส่งเด็กกลับบ้านไปในคืนนั้น


แพทย์ที่โรงพยาบาล M10 กล่าวว่ามีเด็กอีก 12 คนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในคืนวันพุธเช่นกัน



Source -
This picture of a wounded Syrian boy captures just a fragment of the horrors of Aleppo.
http://www.telegraph.co.uk/…/this-picture-of-a-wounded-syr…/

Wednesday, August 10, 2016

⚠ กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินยื่นหนังสือถึงนายกต่อต้านพรบ.ส่งเสริมการฮัจย์

กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินนำโดยดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีพ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2559 เพื่อเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลมีการชะลอหรือระงับร่างพระราชบัญญัติส่ง เสริมการฮัจย์







- ดร.จรูญ อ้างว่าทางรัฐบาลไทยนำเงินภาษีประชาชนชาวพุทธ มาจ่ายเงินให้ชาวมุสลิมไทยไปทำฮัจย์ โดยมีการจ้างเหมาเครื่องบินให้ทั้งลำ


นี้เป็นหนึ่งในประเด็นที่ทางกลุ่มพุทธเหล่านี้ที่นำข้อมูลเท็จมาประโคมในโลก โซเชียลมีเดียให้ชาวพุทธเข้าใจผิดมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงมุสลิมทุกๆ คนในไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายไปทำฮัจย์เองทั้งหมด


พรบ.กิจการฮัจย์ก็คือ เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องหนังสือเดินทาง การดำเนินเรื่องขอวีซ่า การตรวจโรค การเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ให้ดีขึ้น ป้องกันการถูกลอยแพ (จากเพจ Save Islam)


- อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกนำข้อมูลเท็จมาเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียโดยทางกลุ่ม อ้างว่า ทางรัฐบาลไทยให้เงินสนับสนุนสร้างมัสยิดเป็นจำนวนมาก แต่ตรงกันข้ามกับชาวพุทธที่ต้องเรี่ยรายเงินกันเองเวลาที่จะสร้างวัด ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีพุทธมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์


- กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินยังเคยนำกลุ่ม ซึ่งนำโดยพระออกมาประกาศต่อต้านสินค้าต่างๆ ที่มีการประทับตราฮาลาลก่อนหน้านี้



‪#‎อิสลามโมโฟเบียในไทย‬


******************9 สิงหาคม 2559

เรื่อง ขอให้ชะลอหรือระงับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการฮัจย์

เรียน ฯพณฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี


ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการฮัจย์พ.ศ.....ซึ่งมีการผ่านพ้น ไปแล้วหนึ่งวาระนั้น ทางกลุ่มชาวพุทธพลังผ่นดิน ได้เฝ้าติดตามร่างพรบ.ฉบับดังกล่าวมาโดยตลอด พร้อมทั้งมีความกังวลใจเป็นอันมาก เพราะพรบ.ดังกล่าวจะเป็นชนวนปัญหาสร้างความแตกแยกของคนในประเทศได้ อันเนื่องมาจากปัญหา 3 ประการ ดังนี้


1.การกำหนดให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่มีอยู่ทั่วทุกส่วนของภูมิภาคของประเทศดูแลกิจการ ฮัจย์แทนกรมการศาสนามาแต่เดิมนั้น เป็นขยายฐานอำนาจของศาสนาอิสลามให้กระจายไปอยู่ในทุกหน่วยงานของกรมการ ปกครองทุกประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที้งหมดไม่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องกิจการฮัจย์ อันจะเป็นการเพิ่มงานและปัญหาให้กับหน่วยงานนี้เข้าไปอีก เมื่อเป็นเป็นเช่นนั้น จะต้องเพิ่มคนมุสลิมเข้าไปทุกแห่งของกรมการปกครอง เพื่อให้สอดคล้องกับ พรบ.นี้


2.พรบ.นี้จะเป็นเหมือนการตั้งกระทรวงขึ้นมาใหม่ เพราะให้มีทั้งสำนักงานเป็นนิติบุคคลเป็นของตัวเอง มีคณะกรรมการบริหารที่มีอำนาจกำหนดนโยบาย ออกระเบียบต่างๆ ได้เอง มีงบประมาณ มีเจ้าหน้าที่ และอื่นๆ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก และบุคลากรที่ครอบคลุทไปทุกพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีมุสลิมอยู่


3. พรบ.นี้เป็นเพียงกิจกรรมในการอำนวยความสะดวกให้คนเดินทางไปทำความเคารพสถาน ที่ทางศาสนาเท่านั้น ซึ่งคนทุกศาสนาก็ทำกันอยู่แล้ว และเป็นเรื่องศรัทธาปัจเจกบุคคล แต่พรบ.นี้ได้นำเงินภาษีของคนทั้งประเทศมากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์มาส่งเสริมให้มุสลิมเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ใช้จ่าย เสมือนรัฐได้สร้างความเลื่อมล้ำให้เกิดในสังคมไทยเสียเอง ทั้งไม่ยุติธรรมกับคนนับถือศาสนาอื่น


ที่มาและรูปภาพ - เพจ Save Islam

Monday, August 8, 2016

เคาะเหตุผลเบื้องหลังสามจังหวัดใต้ "โหวตโน"

วันอาทิตย์ ที่ 07 สิงหาคม 2559 เวลา 22:46 น.


*****สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเพียงไม่กี่พื้นที่ในประเทศที่ผล
ประชามติร่างรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ คะแนน "โหวตโน" ชนะ "รับ
ร่างฯ"*****


นราธิวาส ประเด็นร่างรัฐธรรมนูญ เห็นชอบ 38.16% ไม่เห็นชอบ 
61.84% ประเด็นคำถามพ่วง เห็นชอบ 37.37% ไม่เห็นชอบ 62.63%


ปัตตานี ประเด็นร่างรัฐธรรมนูญ เห็นชอบ 34.86% ไม่เห็นชอบ 
65.14% ประเด็นคำถามพ่วง เห็นชอบ 34.18% ไม่เห็นชอบ 65.82%


ยะลา ประเด็นร่างรัฐธรรมนูญ เห็นชอบ 40.46% ไม่เห็นชอบ 
59.54% ประเด็นคำถามพ่วง เห็นชอบ 39.72% ไม่เห็นชอบ 60.28%


คะแนน (อย่างไม่เป็นทางการ) ที่ออกมาแทบจะกลับด้านกับผล
ประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2550 เพราะครั้งนั้นนราธิวาสรับร่างฯ 
73.4% ปัตตานี รับร่างฯ 72.2% ขณะที่ยะลา รับร่างฯ 69.6%


ผลคะแนนที่ปรากฏ ถือเป็นความพยายามของคนในพื้นที่ที่ต้องการ
สะท้อนให้ผู้มีอำนาจเห็นว่า พวกเขาไม่พอใจเนื้อหาของร่าง
รัฐธรรมนูญฉบับนี้


ที่ต้องบอกว่าเป็น “ความพยายาม” ก็เพราะตั้งแต่ก่อนเวลาเปิดหีบ
ออกเสียงประชามติ มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นถี่ยิบ นับรวมได้กว่า 30 ลูก 
แต่ประชาชนก็ยังออกมาใช้สิทธิ์เกินครึ่ง แม้จะไม่ท่วมท้นเหมือนที่
เคย แต่ก็มากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 57 (ที่ภายหลังล้มไป)


ถามว่าอะไรคือเหตุผลเบื้องหลังของการ “โหวตโน” หากกล่าวอย่าง
สรุปรวบยอดก็มี 2-3 ประเด็น


หนึ่ง คือ ความไม่พอใจมาตรา 67 เกี่ยวกับการทำนุบำรุงศาสนา ที่
เนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญนั้น กรธ.เขียนให้น้ำหนักศาสนาพุทธมากกว่า
ศาสนาอื่นอย่างชัดแจ้ง ทำให้มีการสร้างกระแสว่าหากรัฐธรรมนูญ
ผ่าน ศาสนาอิสลามจะไม่ได้รับการเหลียวแล


มาตรา 67 เขียนเอาไว้แบบนี้... “รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธ
ศาสนาและศาสนาอื่นในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอัน
เป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่ง
เสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธ
ศาสนาเถรวาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมี
มาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธ
ศาสนา ไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วน
ร่วมในการดำเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย”


ต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมามีกระแสต้านอิสลาม คัดค้านการสร้างมัสยิดใน
หลายจังหวัดของประเทศ จากความเชื่อและข่าวลือว่าอิสลามกำลัง
รุกคืบในประเทศไทย ผนวกกับกระแสหวาดกลัวอิสลามจาก
สถานการณ์การก่อการร้ายระดับโลก แทนที่ กรธ.จะเขียนรัฐธรรมนูญ
โดยให้น้ำหนักทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน แต่กลับเขียนออกมาเช่น
นี้ จึงไม่แปลกที่พี่น้องมุสลิมจะรู้สึกน้อยใจ หรือไม่พอใจมาตรา 67


สอง คือ การเขียนให้รัฐอุดหนุนการศึกษา หรือเรียนฟรีถึงแค่ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 จุดนี้ทำให้โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาเกรงว่าจะได้
รับผลกระทบ เพราะได้รับเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนหัวละกว่า 
14,000 บาทต่อคนต่อปี หากถูกตัดเงินส่วนนี้ ก็ต้องสูญรายได้
มหาศาล และย่อมกระทบกับคุณภาพทางการศึกษาอย่างหลีกเลี่ยง
ไม่ได้


แม้ภายหลังจะมีคำสั่งหัวหน้า คสช.กำหนดนโยบายให้เรียนฟรีถึง
มัธยมศึกษาตอนปลายเช่นเดิม แต่กระแสต้านก็ฉุดไม่อยู่


สาม คือ กลุ่มการเมืองที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล คสช. เคลื่อนไหวอย่าง
หนักเพื่อสร้างกระแส “ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ” โดยใช้เหตุผล 2 ข้อแรก ซึ่งก็ถือว่าฟังขึ้น ตัวเลขไม่รับทั้งร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงจึงออกมาอย่างที่เห็น


ทั้งผลคะแนนประชามติที่ออกมา และสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิด
ขึ้น เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงอ่อนไหว
อย่างยิ่ง โดยเฉพาะประเด็นความรู้สึก ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังเชื่อว่า 
“รัฐ” เข้าไม่ถึงหัวจิตหัวใจของพวกเขา


และ “รัฐ” ยังมิอาจควบคุมพื้นที่ได้จริง พิจารณาจากเหตุรุนแรงหลาย
สิบจุดที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นรูปแบบการระเบิดที่เรียกว่า “วางแบบเร่ง
ด่วน” ไม่ได้เตรียมแผนหรือมุ่งสร้างความเสียหายขนาดใหญ่ก็ตาม 
แต่ฝ่ายผู้ก่อการก็ยังถือว่ามีเสรีในการปฏิบัติมากระดับหนึ่ง


ทั้งหมดนี้จึงพอสรุปได้ว่า สถานการณ์ที่ชายแดนใต้ยังคงเป็นโจทย์
ข้อยากหากคิดจะดับไฟความขัดแย้งให้ได้จริงตามที่โฆษณา


ที่มา - สำนักข่าวอิสรา
http://www.isranews.org/south-ne…/…/item/49067-no_49067.html

Sunday, August 7, 2016

คณะสงฆ์ปัตตานีออกคำชี้แจงไม่เห็นด้วยกับพระมหาอภิชาติ

BBC Thai วันที่ 7/08/59

*****คณะสงฆ์ปัตตานีออกคำชี้แจงไม่เห็นด้วยกับพระมหาอภิชาติที่
แสดงความไม่พอใจมุสลิมเรื่องปัญหาสามจังหวัดใต้ ขณะเดียวกัน
สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย โพสต์เฟสบุ๊กส์ให้กำลังใจ และ
ชมเชยพระมหาอภิชาติ ว่าเป็นเพชรแท้ของชาวพุทธไทยยุคปัจจุบัน 
และย้ำว่าจะไม่วันทอดทิ้งกัน*****



คณะสงฆ์ปัตตานีออกคำชี้แจงไม่เห็นด้วยกับพระมหาอภิชาติที่แสดง
ความไม่พอใจมุสลิมเรื่องปัญหาสามจังหวัดใต้ ระบุเป็นการบิดเบือน
ศาสนาและเพิ่มปัญหาความแตกแยกให้พื้นที่


คำชี้แจงนี้เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี พระสิริจริยาลังการหรือเจ้าคุณชรัช
ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กมีความยาวสองหน้ากระดาษ เรื่อง คำชี้แจง
ของคณะกรรมการฝ่ายการปกครอง คณะสงฆ์จังหวัดปัตตานี กรณี
พระมหาอภิชาติ ปุณณจนโท ตอบโต้กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติฯ ลงวันที่ 5 
ส.ค.2559


ใจความสำคัญของคำชี้แจงระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการที่พระมหาอภิ
ชาติ ออกคลิปในยูทูปตอบโต้การที่ถูกมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติส่ง
หนังสือร้องเรียนไปยังทางการขอให้ระงับยับยั้งการที่พระมหาอภิชาติ
ออกมากล่าวสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงกับมุสลิมในสามจังหวัดภาค
ใต้ โดยในคำร้องเรียนกล่าวว่า การกระทำเช่นนั้นบ่อนทำลายความ
มั่นคงของประเทศ และผลของหนังสือร้องเรียนฉบับนั้นทำให้
สำนักงานพระพุทธศาสนามีหนังสือถึงวัดที่พระมหาอภิชาติจำพรรษา
อยู่ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระสงฆ์รูปนี้


ในคลิปตอบโต้มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ พระมหาอภิชาติตั้งคำถามว่า 
มูลนิธิอาจอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดาภาค
ใต้พร้อมกันนั้นยืนยันคำพูดเดิมที่เคยกล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วอันเป็นที่มา
ของการที่ถูกขอร้องจากเจ้าหน้าที่ให้ปิดเฟซบุ๊ก นั่นคือขอให้ชาว
พุทธตอบโต้การทำร้ายพระภิกษุแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน คือหากมี
การสังหารพระ ให้เผามัสยิด โดยบอกว่า ที่ผ่านมาแนวทางแก้ปัญหา
แบบสันติของทางการไม่ได้ผลและชาวพุทธทนไม่ได้อีกต่อไป “พระ
สงฆ์ไทยจะเป็นคนนำหน้าพี่น้องชาวพุทธเล่นงานพวกคุณ และเขาจะ
เปิดทั่วประเทศเพราะเขาถูกกดดันมานานแล้ว เขายอมรับชะตากรรม
มานานแล้ว” พระมหาอภิชาติกล่าวในตอนหนึ่ง พร้อมยกตัวอย่างให้
เห็นการกระทำของพระวีระธุของเมียนมาที่ปราบปรามโรฮิงญาว่าสิ่ง
นั้นจะเกิดขึ้นได้ในไทย


แต่ในหนังสือชี้แจงของคณะกรรมการฝ่ายการปกครอง คณะสงฆ์
จังหวัดปัตตานีระบุว่า การแสดงออกของพระมหาอภิชาติที่ 
“แสดงออกทั้งทางกายและวาจา ที่ประกอบไปด้วยโทสะเป็นที่ตั้ง 
แสดงอาการกราดเกรี้ยว โกรธแค้น ชิงชัง คุกคาม ใช้วาจาหยาบคาย 
ข่มขู่ผู้คนที่ถือเป็นฝ่ายตรงข้าม” เป็นการชี้ให้เห็นถึง “การขาดความ
เป็นสมณสารูปของตนเองต่อสาธารณชน” และ “บิดเบือนหลักคำสอน
ที่แท้จริงของพุทธศาสนา”


คณะกรรมการบอกว่า ได้มีการประชุมกันเป็นกรณีพิเศษเมื่อวันที่ 5 
ส.ค.ที่ผ่านมาเพื่อหารือคลายความกังวลและความเข้าใจผิดของ
คนในพื้นที่ โดยมีพระสงค์ 9 รูปที่ประกอบไปด้วยเจ้าคณะจังหวัด รอง
เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอเมือง และอำเภอต่างๆในปัตตานี และ
มีผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาของปัตตานีเข้าประชุมด้วย ที่
ประชุมสรุปว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพระมหาอภิชาติ การทำ
เช่นนี้ถือว่าบิดเบือนคำสอนในศาสนา ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่
ของประชาชนในพื้นที่เพราะก่อให้เกิดความหวาดระแวงต่อกัน ทั้งยัง
ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในภาวะของความเป็นภิกษุ-สามเณรในพุทธ
ศาสนา นอกจากนั้นยังขอให้ประชาชน พระภิกษุ สามเณรอย่าได้
สนับสนุนการกระทำของพระมหาอภิชาติ สุดท้ายคำชี้แจงระบุว่าคณะ
กรรมการฝ่ายปกครอง คณะสงฆ์ปัตตานีแสดงความเสียใจ ไม่
สนับสนุน ไม่ยอมรับการกระทำของพระมหาอภิชาติ


อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่พระมหาอภิชาติออกคลิปยูทูป ทางมูลนิธิ
มุสลิมเพื่อสันติก็ออกมาตอบโต้ เช่นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิให้สัมภาษณ์
กับโทรทัศน์ไวท์แชนแนลชี้ว่า เหตุที่ต้องทำหนังสือร้องเรียนไปถึง
ทางการให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระมหาอภิชาติก็เพราะได้
พยายามติดต่อเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกันแต่ไม่เคยเข้าถึงหรือเข้า
พบตัวได้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิระบุว่า เกรงว่าคำพูดของพระมหาอภิชาติจะ
ปลุกกระแสให้เกิดความรุนแรงระหว่างคนต่างศาสนาแบบในเมียนมา 
พร้อมกันนั้นโต้ข้อคิดจากพระมหาอภิชาติหลายเรื่อง เช่นประเด็นของ
โรฮิงญาที่ตกเป็นเป้าของพระในเมียนมานั้นที่จริงไม่ใช่เป็นเรื่องของ
การที่มีโรฮิงญาข่มขืนคนพุทธ แต่เป็นเรื่องเพราะมีการเหยียดเชื้อ
ชาติกันในประเทศนั้น นอกจากนี้ยังโต้ด้วยว่า การที่บอกว่ามุสลิม
รังแกคนพุทธนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุการณ์
หลายที่ที่มีกระแสต่อต้านการสร้างมัสยิดหรือห้ามคลุมผมหรือให้มี
อาหารฮาลาลว่าเป็นตัวอย่างในทางตรงกันข้าม รวมทั้งหากจะบอกว่า
พระสงฆ์ถูกฆ่าตาย 12 รูปในช่วงของความขัดแย้ง 12 ปีที่ผ่านมา แต่
มุสลิมเสียชีวิตจำนวนมากกว่า โดยบอกว่าในปี 2547 เพียงปีเดียวมี
มุสลิมเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์กรือเซะไปกว่าร้อยคน และคนที่ทำให้
คนเหล่านั้นตายก็ไม่ใช่มุสลิมแต่อย่างใด


กระแสของการตอบโต้กันไปมาที่เริ่มแรงขึ้นในโลกออนไลน์ส่งผลกระ
ทบต่อความรู้สึกของคนในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ ผู้ใช้โซเชียลมีเดีย
ชาวพุทธในพื้นที่บางคนแสดงความอึดอัดโดยชี้ว่าเรื่องนี้จะยิ่งเพิ่ม
เงื่อนไขความขัดแย้ง และว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดไม่ใช่เรื่อง
ของความขัดแย้งทางศาสนา และทุกฝ่ายต่างสูญเสียเหมือนกันทั้ง
สิ้น ในขณะที่ที่ผ่านมาคนต่างศาสนิกอยู่ร่วมกันได้


“ การแก้ปัญหาในพื้นที่ ไม่สามารถใช้ความรุนแรงได้หรอกครับ ต้อง
อาศัยความเข้าใจกัน การคุยกันมากกว่า ในประเด็นความรุนแรงใน
พื้นที่ คนมุสลิมเห็นชอบด้วยทุกคนหรือไม่ มันก็คงไม่ใช่เช่นกัน คน
มุสลิมส่วนใหญ่ เขาก็ต้องการอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ ทำมาหากินกัน
แบบปกติ เหมือนกันครับ” รักชาติ สุวรรณ คนพุทธในพื้นที่จากเครือ
ข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพเขียนไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว


“พระผู้ใหญ่ เคยบอกว่า ทำไมเราไม่รักษาประเพณี วัฒนธรรมของคน
พุทธไว้ให้เหนียวแน่น เรื่องนี้ต่างหากที่จะรักษาพุทธศาสนาไว้ใน
พื้นที่ แต่ก็ยังคงมีพระภิกษุอีกกลุ่มที่กำลังโหยหาความขัดแย้ง โดย
การอ้างว่า มุสลิม หรืออิสลาม มาทำร้ายคนพุทธ หรือพยายามเชื่อม
โยงไปถึงภาครัฐในกรณีวัดธรรมกาย ด้วยซ้ำไป พยายามยกเรื่องราว
ของรัฐอุ้มชูอิสลามมากกว่าพุทธ” เขาบอกว่าไม่มีทางที่คนต่างศาสนา
จะทำลายศาสนาพุทธได้ แต่คนพุทธต่างหากที่จะทำลายศาสนาตัว
เอง


ที่มาและภาพ -
https://www.facebook.com/BBCThai/posts/1805123346375364
_______________________________________

โพสต์ในเฟสบุ๊กส์ส่วนตัวของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ร้อยโท ดร. บรรจบ 
บรรณรุจิ ประธานคณะกรรมการรณรงค์พระพุทธศาสนาเป็นศาสนา
ประจำชาติ และเป็นแกนนำที่พยายามผลักดันให้ศาสนาพุธเป็น
ศาสนาประจำชาติในไทย

*************************************


เรื่อง พระมหาอภิชาตถูกร้องเรียน
เรียน พี่น้องชาวพุทธทุกท่าน


จากสถานการณ์ที่เกืดขึ้นรุมเร้าบุคลากรและสถาบันพระพุทธศาสนา
อย่างที่ท่านทั้งหลายทราบมาแล้วนั้น สมาพันธ์ชาวพุทธแห่ง
ประเทศไทยเฝ้าติดตามด้วยความเป็นห่วง เพราะตลอดเวลาที่ผ่าน
มา สถาบ้นพระพุทธศาสนาของไทยเราไม่เคยพบกับแรงบีบคั้นเช่นนี้
มาเลย แต่ไม่เป็นไร ทุกอย่างคือบทเรียนที่เรายังโชคดีที่เรียนรู้ได้ทัน 
และมั่นใจว่าแก้ไขได้แน่


บัดนี้ เป็นที่รู้กันว่าสถาบันพระพุทธศาสนามีภัย แต่ก็สรุปว่า เรามีภัย 
๒ ภัย คือ ๑. ภัยภายในซึ่งเกิดจากบุคลากรพุทธเอง ๒. ภัยภายนอก
ซึ่งเกิดจากบุคคลอื่นศาสนาอื่นลัทธิอื่น และสรุปตรงกันว่า ภัยภายใน
เราสามารถแก้ไขได้ แต่ภัยภายนอกเป็นภัยที่เราต้องรีบรู้ทันและ
ป้องกันให้ได้ ซึ่งก็ไม่ยากอะไรหากเรามีใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพระพุทธ
ศาสนา


เรากำลังแบ่งภัยภายนอกเป็นกลุ่ม ๆ เช่นกลุ่มทำลายบุคลากรของ
พระพุทธศาสนา ด้วยการชวนทะเลาะ ใส่ร้าย ด่าทอ
แบบหยาบคาย และข่มขู่ เพื่อให้เกิดความกลัว อย่างที่คนกลุ่มหนึ่ง
กำลังทำอยู่


กลุ่มทำลายสถาบันพระพุทธศาสนา ด้วยการทำลายความน่าเชื่อของ
สถาบัน เช่น ลงภาพพระไม่เหมาะสม การเหยียบย่ำรูปเคารพ เช่น 
เหยียบพระพุทธรูป โพสต์ภาพพระถูกฝรั่งถีบหน้า ซึ่งเราก็รู้ว่าในชีวิต
จริงๆไม่มีฝรั่งคนไหนกล้าทำกับพระในพระพุทธศาสนาอย่างนั้น
หรอก เพราะใจฝรั่งไม่หยาบช้าพอ


กลุ่มทำลายความสามัคคี ด้วยการรักษาความแตกต่างของศาสนาตน
ที่เรียกว่า "อัตลักษณ์" ไว้เพื่อใช้อ้างให้เกิดความแตกแยก เพราะหาก
เราคัดค้านหรือไม่ยอมเขาจะจับมือกับนักสิทธิมนุษยชนอ้างสิทธิขั้น
พื้นฐานทันที โดยที่เขาไม่เคยคิดว่า สังคมเราซึ่งส่วนใหญ่คือสังคม
ของคนพุทธก็มีสิทธิขั้นพื้นฐานเหมือนกัน แต่แปลกนะ เวลาเขาอ้าง
เราฟัง แต่เวลาเราอ้างบ้างเขาไม่ฟัง เมื่อก่อนสงสัยว่าทำไม แต่เดี๋ยว
นี้เข้าใจแล้วว่า ถ้าเขาฟัง ก็สร้างความแตกแยกไม่ได้ ดังนั้นเขาต้อง
ไม่ฟังลูกเดียว ยิ่งกว่านั่น เขายังะยายามทำลายวัฒนธรรมของชาติ 
เช่น การเคารพพระราชานุสาวรีย์ โดยอ้างว่าขาทำไม่ได้เพราะปิด
หลักศาสนา แต่น่าประหลาด มหาวิทยาลัยของรัฐหลายแห่ง และ
ทหารในฐานะเป็นทหารของพระราชากลับไม่สนใจในเรื่องนี้ แปลกใจ
จริง ๆ

กลุ่มกดชาวพุทธให้ต่ำ ด้วยการหยิบยกพฤติกรรมขาดศีลธรรมมา
ประจานเช่น การมีอบายมุข การมีโสเภณี และเยาะเย้ยว่านี่หรือสังคม
พุทธ โดยลืมนึกไปว่าพฤติกรรมเลวร้ายเช่นนั้น คนศาสนาของเขาก็
ทำ คนของเขาที่ขายตัวก็มี ชายชาวพุทธหลายคนก็เคยใช้บริการทาง
เพศของหญิงศาสนิกของเขา คนของเขาที่กืนเหล้าเมายาหัวราน้ำก็มี 
แต่เขาจะละเว้นไม่พูดถึงเลย


กลุ่มใช้คำสอนพุทธย้อนศรพุทธ ด้วยการตอกย้ำเวลาที่ชาวพุทธมี
ปฏิกิริยาโต้ตอบเขาแบบแรงๆ เขาจะบอกว่านั่นไม่ใช่วิธีการของพุทธ 
ถ้าเป็นของพุทธต้องไม่รุนแรง แต่สำหรับเขา เมื่อมีการใช้ความรุนแรง
เกิดเขึ้น บ่อยครั้งที่มีบาดเจ็บล้มตาย พอเราประท้วงหรือสอบถามไป 
ก็จะได้แต่คำตอบว่า นั่นไม่ใช่พวกเขา ศาสนาเขาสอนให้เมตตาแม้
กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า ...เมตตายังไงถึงแผ่ไปไม่ถึงคนเลย เห็นต้นไม้
ใบหญ้าก็แหลกราญเพราะสงครามสู้รบกีนไม่เลิก ฆ่ากันเป็นว่า
เล่น..จึงทำให้พุทธต้องมาย้อนศรบ้างว่า...ที่ทำชั่วก็ไม่ใช่พุทธ เพราะ
พุทธสอนกันให้รังเกียจความชั่วแม่เล็กน้อยเท่าปลายเข็มก็ให้เห็นเป็น
ของใหญ่ดังก้อนเมฆ ...


สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทยได้เรียนรู้กลุ่มต่างๆเหล่านี้มาก
พอ และเราก็มีกลุ่มคนที่จะทำบทบาทอย่างนี้แล้ว แต่เขายืนยันว่าจะ
ไมรังแกทำร้ายใคร ทำก็เพื่อให้พระพุทธศาสนาอยู่ได้อย่างมั่นคงและ
สง่างาม


กรณีของพระมหาอภิชาตซึ่งเป็นพระสงฆ์ของพระพุทธศาสนา สมา
พันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทยก็ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย 
ซึ่งก็หวังว่าพี่น้องชาวพุทธคงจะเข้าใจท่านว่าแม้จะเป็นพระสงฆ์ แต่
ท่านก็ยังเป็นปุถุชน ที่แม้จะกำลังเดินตามทางพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสู่
การละโลภโกรธหลงแต่ด้วยเหตุที่ยังตัดรักอาลัยไม่ขาด จึงอดหวั่น
ไหวไม่ได้ ในการจากไปของญาติเพราะการก่อการร้ายในศาสนาจน
ต้องระบายความเจ็บปวดออกมาให้ฝ่ายก่อการได้ทราบ


พระมหาอภิชาตเป็นพระดี ไม่ขัดขืนผู้บังคับบัญชาคือเจ้าอาวาส ไม่
เป็นปฏิปักษ์ต่อราชการ และที่สำคัญคือไม่ตีโพยตีพายฟ้องใคร 
ยอมรับคำเตือน และการกล่าวหาโดยดุษณีย์ ทั้งๆที่เจ็บปวด สมาพันธ์
ชาวพุทธแห่งประเทศไทย


จึงขอให้กำลังใจและขอยืนยันว่า จะไม่ทอดทิ้งท่านให้โดดเดี่ยว 
เพราะท่านคือเพชรแท้ของชาวพุทธไทยยุคปัจจุบัน
เราไม่ทิ้งกัน


สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย
๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙

Saturday, August 6, 2016

กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติแก้ข้อกล่าวหากรณีคลิปวีดีโอล่าสุดของพระมหาอภิชาติ



ทนายของกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้ออกมาอธิบายผ่านรายการเรื่องร้องเรียนของ สถานีไวท์ชาแนล ถึงเหตุผลว่าทำไมทางกลุ่มถึงตัดสินใจเดินทางไปยื่นจดหมายให้ทางการห้ามปราม พระมหาอภิชาติที่ยังคงอัดคลิปวีดีโอ และนำคลิปออกมาเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปลุกปั่นให้ชาวพุทธเผามัสยิด 1 หลังหากมีพระที่ใต้เสียชีวิตอีก 1 รูป และข่มขู่ที่จะทำร้ายชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ในไทย


นอกจากนั้นแล้ว ทนายของกลุ่มมุสลิม เพื่อสันติยังชี้แจงคำกล่าวหาต่างๆ ที่พระมหาอภิชาติปล่อยคลิปวีดีโอล่าสุดออกมาเพื่อตอบโต้กลุ่มมุสลิมเพื่อ สันติ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเช่นการที่ชาวพุทธในพม่าไล่ชาวมุสลิมโรฮิงยาเพราะมุสลิมไป ข่มขื่นชาวพุทธ ใช้การปลุกปั่นโดยยกประเด็นปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีโจรใต้ทั้งหมดเป็นมุสลิม กล่าวหาว่ามุสลิมไปรังแกชาวพุทธ พระที่ภาคเหนือให้ข้อมูลบิดเบือนเรื่องโรงงานที่ต้องการจัดตั้งในเชียงใหม่ ว่าเป็นโรงงานที่ให้ชาวมุสลิมทำงานเท่านั้นส่วนชาวพุทธไม่อนุญาตให้ทำงานที่ นั่น


ทั้งนี้ ทนายกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติเรียกร้องให้มุสลิมและชาวพุทธที่ต้องการเห็นสังคม สงบสุข เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้บ้านท่าน ถึงกรณีเรื่องคลิปวีดีโอพระอภิชาติที่ยังคงออกมาปลุกปั่นชาวพุทธให้ทำลาย มัสยิดและทำร้ายมุสลิมทั่วประเทศ โดยเน้นว่า เพื่อป้องกันสังคมไม่ให้ถึงจุดเหมือนเหตุการณ์ในพม่า


ที่มาของวีดีโอ –
เรื่องร้องเรียน วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 59
‪#‎กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ‬ ‪#‎พระมหาอภิชาติ‬

ข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ -
“พระมหาอภิชาติ” ออกคลิปโต้มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ
https://www.facebook.com/muslim.aof/videos/1583344648626584/ พระวีระธุและพวกพ้องนำประเด็น 'เท็จ' เรื่องข่มขื่น มาใช้เป็นเครื่องมือปลุกปั่นให้เกิดการใช้ความรุนแรงระหว่างเชื้อชาติในพม่า ได้อย่างไร? https://www.facebook.com/muslim.aof/posts/1583421775285538

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังจะโหวตว่ารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ (วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2559)



แม้ไม่ได้ระบุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่แอบสอดไส้ให้ "รัฐสนับสนุนการเผยแผ่พุทธศาสนาเถรวาท" และ "ป้องกันการบ่อนทำลายพุทธศาสนา (เถรวาท)" เข้าไป


แถมถอดเอาหน้าที่รัฐ "ห้ามลิดรอนสิทธิเพราะการนับถือศาสนาแตกต่างกัน" ออกไป


แล้วยังมีข้อยกเว้นเสรีภาพการนับถือศาสนาในกรณีที่ "เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของรัฐ" อีกด้วย [ข้อมูลจาก ilaw]

_______________

คำถามคือ "พุทธศาสนาเถรวาท" นี่มันคืออะไรเหรอครับ?
.........................
 


ใครเป็นคนบอกว่าอันไหนเป็นพุทธศาสนาเถรวาท อันไหนไม่ใช่
ใครเป็นคนบอกว่าแบบไหนเป็นการบ่อนทำลายพุทธศาสนา
ใครเป็นคนบอกว่าแบบไหนเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของรัฐ
.........................
 


แต่ที่แน่ๆ พุทธศาสนาเถรวาทแบบที่จะระบุไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ ดูจะรังเกียจสิทธิเสรีภาพเอาเสียมากๆ เลย
ที่มา: เฟสบุ๊กส์ Vichak Panich
 

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10154413965968754&set=a.95898813753.85675.503563753&type=3&theater
 
เชิญเข้าไปอ่านสรุปร่างรัฐธรรมนูญได้ที่
สรุปร่างรัฐธรรมนูญ: กรธ. ไม่เขียน "พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" แต่สั่งรัฐสนับสนุนเฉพาะพุทธเถรวาท
https://ilaw.or.th/node/4080

****หมายเหตุ: ข้อที่มีการใช้สีเหลืองไฮไลท์คือ เป็นข้อที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ 2559 ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในรัฐธรรมนุญ พ.ศ. 2540 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550

กองทัพอิสราเอลสังหารเด็กกาซ่า 50 คน ภายใน 2 วัน

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรยูนิเซฟ UNICEF ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีที่นองเลือดในฉนวนกาซาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย...