โดนัล ทรัมป์ มหาเศรษฐีจากรัฐนิวยอร์ค วัย 70 ปี ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯคนที่ 45 เอาชนะฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตด้วยคะแนนเสียง 276 ต่อ 218
ฮิลารี ไม่ได้ออกมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะชนเพื่อกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนพรรคเดโมเครต เพียงแต่โทรหาทรัมป์เพื่อแสดงความยินดี ทรัมป์ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีเพื่อขอบคุณผู้สนับสนุนโดยสัญญาว่าเขาจะเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกๆ คน “ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาต้องสมานบาดแผลจากความแตกแยก เราต้องมาร่วมมือกันระหว่างผู้สนับสนุนพรรคลิพับบริกัน ผู้สนับสนุนพรรคเดโมเครตและพรรคเสรี ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียว”
ก่อนหน้านี้โดนัล ทรัมป์ได้ปราศรัยโจมตีมุสลิมระหว่างการหาเสียง โดยได้ประกาศว่า ทรัมป์มีข้อเสนอให้รัฐบาลสหรัฐฯ ห้ามมุสลิมเข้าประเทศ จนกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถหาข้อยุติหยุดการก่อการร้ายที่ชาวมุสลิมก่อในสหรัฐฯ ได้เสียก่อน แต่ทรัมป์กลับไม่เคยกล่าวปราศรัยโจมตีกลุ่มติดอาวุธพวกนิยมผิวขาว white supremacist สุดโต่ง ที่สนับสนุนทรัมป์ ที่คอยข่มขู่ เผามัสยิด ทำร้ายและสังหารมุสลิม และคนผิวสีแต่อย่างใด
คนผิวขาวส่วนมากพากันสนับสนุนทรัมป์ โดยเฉพาะพวก white supremacist ที่คิดว่าคนผิวขาวเหนือกว่าคนผิวสีอื่นๆ ปัญหาของความเกลียดชังของประชาชนในสหรัฐฯ ระหว่างผิวสีไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นมา แต่มันเกิดขึ้นมานานแล้ว ในช่วงประมาณ 15 ปีมุสลิมในสหรัฐฯ กลายเป็นเหยื่อของความเกลียดชังทางศาสนา ถูกพุ่งเป้าโจมตีมากขึ้น ช่วงการหาเสียงของทรัมป์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ปราศรัยโจมตีชาวมุสลิม และชาวเม็กซิโก เป็นการเปิดไฟเขียวอย่างเป็นทางการให้พวก white Supremacist โดยเฉพาะกลุ่มที่นิยมความรุนแรงให้ด่าทอ ทำร้ายมุสลิม และเผามัสยิด เผาศูนย์เรียนศาสนาอิสลามมากขึ้น คนผิวสีเองก็ถูกคนผิวขาวด่าทอ และถึงกับเผาโบสถ์คนผิวสีที่มีอายุนับร้อยปี พร้อมพ่นฝาพนังให้เลือกทรัมป์ ซึ่งเหตุเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ตัวอย่างสดๆ ร้อนๆ ที่แสดงถึงความเกลียดชังจากผู้สนับสนุนทรัมป์ที่มีต่อมุสลิมและชาวผิวสีในสหรัฐฯ ก็คือ นักข่าวอิสระที่รายงานข่าวกีฬา โพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัวภายใต้ชื่อ Simon Rowntree เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 59 ว่า “ผมอยู่ในฝูงชนที่สนับสนุนทรัมป์ในแมนฮัตตัน และผู้สนับสนุนหลายพันคนต่างตะโกนออกมาดังๆ ว่า ‘เราเกลียดพวกมุสลิม เราเกลียดคนผิวสี เราต้องการประเทศของเรากลับคืนมา’ น่าเกลียดจริงๆ”
ทรัมป์ไม่ใช่ประธานาธิบดีที่จะคอยสมานแผลของความแตกแยกในสังคมสหรัฐฯ แต่ทรัมป์จะทำให้กลายเป็นแผลที่เน่าเหวอะหวะ และอาจจะกลายเป็นแผลร้ายที่ไม่สามารถรักษาเยียวยาได้ อีกต่อไป
ข้อมูลคำปราศรัยของทรัมป์ –
Donald Trump wins: President-elect vows to unite America after most divisive campaign in US history
http://www.independent.co.uk/…/donald-trump-president-wins-…
Donald Trump wins: President-elect vows to unite America after most divisive campaign in US history
http://www.independent.co.uk/…/donald-trump-president-wins-…