เณรรูปหนึ่งกำลังยืนมองภาพต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายโดยกล่าวหาว่าชาวมุสลิมนั้นเป็นผู้สังหารโหดชาวพุทธในจังหวัดภาคใต้ ประเทศไทย และภาพหลายนี้ได้มีการจัดแสดงไว้บนบอร์ดที่มันฆะเลย์ ในเมียนมาร์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2015
โดย: ABBY SEIFF AND RIN JIRENUWAT
แปลอย่างละเอียดโดย: มุสลิมะฮ ออสเตรเลีย
24/04/2016
พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัย 30 ปี เป็นหัวหน้าพระวิทยากรประจำ
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม หรือเป็นที่รู้จักในนาม "The Marble
Temple” ในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยพระมหาอภิชาติพยายาม
ฝืนยิ้ม ขณะที่อธิบายว่าเขาต้องโมโหมากแค่ไหน พระอภิชาติที่
หน้าตายังดูเด็กกว่าวัย ได้ดึงเอกสารต่างๆ ออกมา และกางออกวาง
เต็มโต๊ะ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ พระก็คือเพื่อนที่พระเรียกมานั่งด้วย ในขณะ
ให้สัมภาษณ์ พร้อมถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกด้วยมือถือที่มีราคาแพงเลยที
เดียว
“นี้” พระอภิชาติกล่าวพร้อมใช้นิ้วแตะรั่วๆ ไปที่กระดาษเหล่านั้น ซึ่ง
เป็นรูปของพระ 20 รูปที่ถูกฆ่าและอีก 24 รูปที่ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ปี
2007 จากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ เมื่อ
กลุ่มแบ่งแยกแผ่นดินได้ออกปฏิบัติการในบริเวณพื้นที่รอยต่อไทย-
มาเลเซีย ที่เริ่มขึ้นนับตั้งแต่ปี 2004 ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,500 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม แม้สถิติผู้เสียชีวิตที่
เปรียบเทียบชาวมุสลิมกับชาวพุทธมีความแตกต่าง แต่พระรูปนี้ก็ไม่
ได้ให้ความสนใจในสถิตินี้ “การเสียชีวิตของพระ 1 รูป สมควรมองว่า
เป็นการโจมตีทางศาสนา” พระอภิชาติอธิบาย “อาตมาเคยเครียดมา
ก่อน เมื่อทราบเรื่องพระสงฆ์ถูกฆ่าและบาดเจ็บ” “ตอนนี้มันผ่านจุดนั้น
ไปแล้ว ไม่เครียดอีกต่อไป แต่เป็นการแก้แค้นแทน นี้คือทำไมอาตมา
ถึงพูดไปอย่างนั้นเกี่ยวกับเรื่องเผ่ามัสยิด: เพราะอาตมาต้องการแก้
แค้น”
เมื่อปลายปีของปีที่แล้ว พระมหาอภิชาติได้กลายเป็นประเด็นให้พูด
ถึง หลังจากได้เรียกร้องให้สาวกของเขาเผ่ามัสยิด 1 หลังสำหรับพระ
1 รูปที่ถูกฆ่าในภาคใต้ รัฐบาลไทยได้ทำการปิดเฟสบุ๊กส์พระอภิชาติ
ในทันที แต่นั้นเป็นการทำให้เพิ่มความนิยมให้พระกับรูปนี้มากยิ่งขึ้น
ภายในไม่กี่เดือนมีคนติดตามหลายพันคนในเฟสบุ๊กส์ของเขา ทุกๆ
สมาชิกแฟนเพจหนึ่งคนตำหนิพระด้วยการไม่เห็นด้วยกับความคิด จะ
มีสมาชิกอีกสองคนที่ร่วมกันให้กำลังใจให้เขาสู้อีกต่อไป
พระมหาอภิชาติกล่าวว่า เขาเรียนด้านการสื่อสารจากมหาวิทยาลัย
แต่ใช้ทักษะการสื่อสาร ด้วยการเขียนข้อความที่ก่อให้เกิดความ
เกลียดชัง ซึ่งในหน้าเฟสบุ๊กส์ของพระมหาอภิชาติเต็มไปด้วยภาพที่
น่าสยดสยอง ที่มีจุดประสงค์เพื่อโชว์ภาพชาวพุทธถูกฟันศีรษะด้วย
มีดอีโต้ ถูกเผา และถูกยิงด้วยกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลในสามจังหวัด
ชายแดนภาคใต้ รูปหลายรูปเป็นเหตุการณ์หลายปีมาแล้ว ที่ปรากฏ
เป็นข่าวตามหน้าหนังสือท้องถิ่นและหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แต่พระ
มหาอภิชาติกล่าวกับเราว่าเขาได้รูปภาพและข้อมูลเหล่านี้แต่เพียงผู้
เดียว และกล่าวว่ารูปเหล่านี้เขาได้มาจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองนาย
หนึ่ง (แต่ภาพเหล่านี้ปรากฏในเว็ปเพจที่สร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านชาว
มุสลิมที่มีการแชร์กันมาเป็นเวลายาวนานแล้ว) เขายังได้ต่อว่าสื่อ
กระแสหลักในไทยว่าพยายามปกปิดความเป็นจริง ไม่ค่อยเสนอข่าว
พระสงฆ์และชาวพุทธที่ถูกสังหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
“สิ่งที่อาตมาต้องการทำก็คือปลุกชาวพุทธที่กำลังหลับไหล และคิด
ว่าทุกอย่างสวยงามนั้น อาตมาต้องการให้พวกเขารับรู้ว่ากำลังเกิด
อะไรขึ้น ชาวมุสลิมไม่ได้พยายามที่จะบุกรุกสามจังหวัดชายแดนภาค
ใต้เท่านั้น พวกเขากำลังพยายามที่จะยึดครองทั้งประเทศ” พระมหา
อภิชาติกล่าว
ผู้เป็นไอดอลของพระอภิชาติคือพระวีระธุ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการจราจล
เข่นฆ่าชาวโรฮิงยาในปี 2012-2013 “มีการต่อต้านมุสลิมมากขึ้นใน
ไทย” “สิ่งนี้ไม่ใช่เป็นแมลงสกปรกๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ก้อนหิน แต่มันได้
กลายเป็นกระแสหลักไปแล้ว” แอนโธนี่ ดาวิส (Anthony Davis) นัก
วิเคราะห์ด้านความมั่นคงของ IHS-Jane’s กล่าว
พระสงฆ์ในไทยหาแนวร่วมมากขึ้น ซึ่งเป็นการร่วมมือกับพระสงฆ์ใน
ศรีลังกาและเมียนมาร์ – ทั้งสองประเทศที่มีความเป็นพุทธชาตินิยม
จัด มีการต่อต้านมุสลิมด้วยการใช้ความรุนแรง และในเดือนกุภาพันธ์
ของปีนี้ ชาวไทยพุทธได้มีการจัดงานประชุมในหัวข้อ “วิกฤตพระพุทธ
ศาสนาในเวทีโลก” “Crisis in the Buddhist World” พระสงฆ์ชาวศรี
ลังกาได้กล่าวปราศรัยถึงภัยคุกคามต่อศาสนาพุทธในอนาคต ขณะที่
ประธานของกลุ่มมาบาธา คือพระภัททันตะ ติโลกาภิวังสา และมีพระวี
ระธุเป็นหนึ่งในแกนนำคนสำคัญของกลุ่มมาบาทา โดยพระภัททันตะ
ได้มีการปราศรัยในหัวข้อเรื่องการใช้กฏหมายเพื่อนำมาปกป้องและ
ส่งเสริมพุทธศาสนา ก่อนที่จะได้รับรางวัลผู้นำพุทธโลก
“เรามีความกังวลถึงพวกมุสลิมที่บุกรุกเข้ามาในประเทศไทย”
ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ Banjob Bannaruji จากมหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และเป็นประธานคณะกรรมการรณรงค์
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วที่รัฐบาลเตรียมร่าง
รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ล่าสุด ดร.บรรจบ ได้ผลักดันความคิดที่มีมานาน
แล้ว เข้าไปไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ “เรากำลังถูกชาวมุสลิมคุกคาม
อย่างมากเพราะศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่เป็นอันตรายในมุมมอง
ของผม” ดร.บรรจบกล่าว
ประชากรไทยประมาณ 94 เปอร์เซ็นต์นับถือศานาพุทธ และมีเพียง 4
เปอร์เซ็นต์ที่นับถือศาสนาอิสลาม และก็มีอีกหลายคนที่เชื่ออย่างเขา
ดร.บรรจบเชื่อว่ามันมีความไม่ชอบมาพากลที่มุสลิมในประเทศไทย
ต้องการขยายศาสนาอิสลามไปทั่วประเทศ โดยเขาอ้างว่ามีการ
ลักลอบมุสลิมชาวโรฮิงญาและชาวบังคลาเทศเข้ามาในประเทศไทย
แล้วซุกซ่อนพวกเขาไว้ในมัสยิดทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “ทำไม
นะหรือ? เพราะพวกมุสลิมต้องการเพิ่มจำนวนประชากรของเขาที่นี่”
ดร.บรรจบอธิบาย (ในขณะที่มุสลิมจากเมียนมาร์และบังคลาเทศได้
เข้ามาในแผ่นดินไทย ก็เพราะพวกเขาถูกเรือแวะเข้าไทย และนำมา
กักขังในค่ายต่างๆ ใกล้ชายแดนไทย โดยพวกค้ามนุษย์ที่ต้องการ
ข่มขู่เรียกค่าไถ่ก่อนที่จะขายพวกเขาต่อไปเป็นทาสแรงงาน หรือ
อนุญาตให้พวกเขาเดินทางต่อไปที่ประเทศมาเลเซีย)
นอกเหนือจากการ “บุกรุก” ดร.บรรจบ แสดงความไม่พอใจกับปัญหา
ที่เกิดขึ้นประจำวันที่ก่อขึ้นโดยชาวมุสลิม มัสยิดก็มีการสร้างมากขึ้น
เด็กเริ่มเรียกร้องสิทธิในการปฏิบัติศาสนาในระหว่างเวลาเรียน และอีก
หลายๆ อย่างที่ทำลายประเพณีเก่าแก่ (เช่นกรณีเด็กในมหาลัย ขอ
ละเว้นที่จะไม่ไหว้รูปปั้นของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่
หัวและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า “ผมไม่รู้ว่าทำไมมุสลิมถึง
ถูกสั่งสอนมาให้เป็นคนใจแคบอย่างนี้” ดร.บรรจบ กล่าว
ผมได้เดินทางไปยังสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งผมได้พูดคุยกับ
เด็กนักเรียน พวกเขาต่างรับทราบถึงเรื่องพระมหาอภิชาติ และรู้สึก
กังวล “ผมกลัวว่าถ้าพระสงฆ์หรือคนพุทธเผ่ามัสยิด มันจะเกิดปัญหา
ขึ้นมา เราทั้งหมดต่างกลัวถึงการขัดแย้งทางศาสนาที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทั้งชาวพุทธและชาวมุสลิมจะฆ่ากันเอง” นักศึกษาศาสนาจากจังหวัด
ปัตตานีวัย 25 ปี ที่ไม่ประสงค์ออกนามเพื่อความปลอดภัย
นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงหลายคนต่างมีความกังวลเหมือนๆ กัน
ศาสตราจารย์ซาคารี อาบูซา (Zachary Abuza) ศาสตราจารย์จาก
National War College ในกรุงวอชิงตันดีซี ที่มีความเชี่ยวชาญทาง
ด้านการเมืองในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเขากล่าวว่า ชาว
พุทธสุดโต่งมีจำนวนมากขึ้น และกระทบอย่างรุนแรงต่อกลุ่มที่ถูก
ทอดทิ้งอยู่แล้ว” “ในปัตตานีมีชุมชนใหญ่ของชาวโรฮิงญา (ที่หลบหนี
มาจากเมียนมาร์) และผมคิดว่าพวกเขาก็รับทราบถึง....ในเหตุการณ์ที่
ชาวพุทธหัวรุนแรงและมีการปลุกปั่นให้ใช้ความรุนแรง และผมคิดว่า
พวกเขาก็กังวลกับปัญหาภาคใต้” ศาสตราจารย์ซาคารีกล่าว
นายปราโมทย์ สมะดี เป็นหนึ่งในหัวหน้าชุมชนมุสลิมและดำรง
ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานีไวท์ชาแนล สถานีเคเบิ้ลทีวีมุสลิมในไทย
กล่าว “คนธรรมดาสามัญชนต่างหวาดกลัวต่อทัศนะคติเหล่านี้” แต่
เขายืนยันว่าความกังวลเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับชาวมุสลิมอีกหลายๆ
กลุ่ม “มุสลิมอีกหลายๆ กลุ่ม, คนที่มีการศึกษา นักวิชาการต่างๆ พวก
เขาไม่ได้กังวลถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด.... ชาวมุสลิมในประเทศนี้มี
ประวัติศาสตร์และมีวัฒนธรรมที่ยาวนาน พวกเรามีบทบาทสำคัญยิ่ง
ในการช่วยสร้างประวัติศาสตร์ในไทยด้วยเช่นกัน....มันมีบริบทและมี
ปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้แตกต่างจากประเทศเมียนมาร์"
ชาวพุทธมีความกังวลกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน “มีคนหลายคนที่อ้างตัวว่า
เป็นชาวพุทธ แต่พวกเขากลับไม่เอาไหน” นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์
Sulak Sivaraksa เป็นปราชญ์ชาวพุทธที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง และเป็น
ผู้วิจารณ์พวกที่นิยมใช้ความรุนแรงอย่างเปิดเผย เขาแนะนำพระมหา
อภิชาติว่า “ เขาสมควรเลิกเป็นพระไปซะ เลิกนับถือศาสนาพุทธ
พระพุทธเจ้าสั่งสอนปราศจากการใช้ความรุนแรง ให้มีความรัก ความ
เมตตา และความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น…. เมื่อใดที่ทำให้ชาวพุทธไป
ผนวกกับลัทธิและนำมันไปผูกติดไว้กับชาตินิยม กับเชื้อชาติ นั่น
แหละที่ถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก”
จากการที่รัฐบาลและชาวพุทธบางคนได้ประณามความคิดเห็นของ
พระมหาอภิชาติที่มีแต่ความเกลียดชังต่อชาวมุสลิม นับเป็นเรื่องที่น่า
ยินดีอย่างยิ่ง นายสะมะดีซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำของชาวมุสลิมกล่าว แต่
คำพูดวิจารณ์อย่างรุนแรงมีการแพร่กระจายอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น
ในเฟสบุ๊กส์ ทวิตเตอร์ และพันธุ์ทิพย์ ที่เป็นเว็ปไซต์ที่มีความนิยมมาก
ที่สุดในประเทศไทย ชาวพุทธจำนวนมากที่เข้าไปร่วมเสวนา “ปัญหา
ที่เกี่ยวกับชาวมุสลิม” ซึ่งมีเฟสบุ๊กส์เพจหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “เปิดโปงอัปรีย์
พาล อภิบาลคุณธรรม” มีสมาชิกเพจอยู่ 18,000 คน โพสต์
โฆษณาชวนเชื่อต่างๆ นานาๆ ที่เป็นการต่อต้านชาวมุสลิม มีการเรียก
ร้องให้หยุดสนับสนุนสินค้าฮาลาล ส่วนเฟสบุ๊กส์เพจที่ชื่อ “กลุ่มต่อ
ต้าน มุสลิมหัวรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้” ที่มีสมาชิกในปัจจุบัน
9,000 คน ที่มีการโพสต์ข้อความต่างๆ เพื่อเอาใจแฟนเพจที่ร่วมกัน
ต่อต้านชาวมุสลิม และมีผู้กดไลค์ 25,000 คนที่เฟสบุ๊กส์เพจ “ศูนย์
พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย” ซึ่งเพจนี้มีส่วนผลักดันให้
หยุดแผนการสร้างนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล และต้องย้ายออกไปจาก
เชียงใหม่
เรื่องการต่อต้านมุสลิมทั้งหมดนี้ ทำให้พระมหาอภิชาติอยู่ในสถานะที่
ได้ค่อนข้างได้เปรียบ ซึ่งเขาอ้างว่า ชาวพุทธทั่วประเทศล้วนแล้วแต่มี
ความกระตือรืนร้นที่จะเชื่อฟังทุกๆ คำพูดของเขา
เมื่อผมถามพระมหาอภิชาติว่าจะทำอะไรในก้าวต่อไป? เขาตอบอย่าง
หน้าตาเฉย แต่ล่ามของผมกลับพูดจาแบบตะกุกตะกักกับผมว่า
“แผนการต่อไปคือการเตรียมน้ำมันใส่ในขวดเอาไว้ เพื่อใช้เป็นระเบิด
ในการเผ่าไหม้” พระมหาอภิชาตกล่าว “มันไม่ใช่แค่อาตมาเท่านั้นนะ
แต่ชาวพุทธจากทั่วประเทศกำลังจะทำมันด้วยเช่นกัน เพื่อจะโยนมัน
ไปที่ไหนสักแห่ง ไม่มีใครรู้ว่าที่ไหน อาตมาแค่รอเวลาที่จะมีพระภิกษุ
สงฆ์อีกหนึ่งรูปเสียชีวิต ณ ตอนนี้ อาตมาแค่กำลังเผยแพร่อุดมการณ์
ของอาตมาในโลกโซเชียลมีเดียไปพลางๆ ก่อน"
______________________________________
ที่มาและรูปภาพ -