Sunday, December 20, 2020

เด็กทารกมุสลิมอายุเพียง 20 วัน ถูกรัฐบาลศรีลังกาบังคับเผาศพ

เด็กทารกมุสลิมอายุเพียง 20 วันถูกรัฐบาลศรีลังกาบังคับเผาศพ เพราะโรงพยาบาลอ้างว่าเด็กเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19










..ชัยค์ ทารกที่มีอายุเพียง 20 วัน “เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล Colombo’s premier Lady Ridgeway Children’s Hospital ตอนประมาณตี 4 ของวันที่ 8 .ในช่วงเวลานั้น ทารกอยู่ในภาวะวิกฤตจากอาการปอดบวมขั้นรุนแรง และได้รับการยืนยันในช่วงบ่ายว่าผลการตรวจโควิด-19เป็นบวก (ติดเชื้อโควิด-19)  ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลก็ยืนยันเช่นกันว่าผลการตรวจทั้งพ่อและแม่เป็นลบ (ไม่ติดเชื้อ)” Dr. G. Wijesuriya ผู้อำนวยการของโรงพยาบาล Lady Ridgeway Hospital for Children กล่าว



นายอาลี ซากีร์ เมาลานา ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและเป็นส.ได้พูดคุยกับนายฟาฮิม พ่อของทารก โดยเขาเล่าว่า ตอนมาถึงโรงพยาบาลตอน 22.00 ของวันจันทร์ที่ 7 (แต่ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลบอกเด็กมาตอนตีของวันอังคารที่8) โรงพยาบาลจับเด็กตรวจโควิด-19 ด้วยการตรวจเชื้อไวรัส (Antigen) ซึ่งผลตรวจแสดงว่าเด็กติดเชื้อโควิด-19 ในขณะที่ผลตรวจทั้งเขาและภรรยาที่ให้นมลูกมาโดยตลอดก็ไม่ติดเชื้อโควิด



ฟาฮิมเคยได้ยินมาว่าการตรวจแบบแอนติเจนมีหลายครั้งที่ผลการตรวจเป็นบวกแต่บุคคลนั้นไม่ได้ติดเชื้อโควิด 19 จริง (negative positive) เขาจึงขอร้องหมอให้ตรวจแบบ PCR อีกครั้งเพื่อยืนยันว่าลูกติดโควิด-19 จริง แต่หมอกลับปฏิเสธและบอกฟาฮิมให้หาที่ตรวจเอง ฟาฮิมซึ่งเป็นคนขับรถสามล้อ ขาดรายได้เกือบเดือนมาแล้ว เพราะช่วงโควิด-19 จึงโทรหาให้คนช่วยค่าใช้จ่ายให้ และปรากฏว่ามีคนเต็มใจจะช่วยจ่ายค่าตรวจให้



ขณะที่รอรายงานผลตรวจแอนติเจนอย่างเป็นทางการ และเขาพยายามติดต่อโรงพยาบาลเอกชนเพื่อนำลูกไปตรวจPCR ทางโรงพยาบาลบอกให้กลับบ้านไปก่อนแล้วปล่อยให้เด็กทารกนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งฟาฮิมและภรรยาต่างพากันกลับบ้านไปอย่างไม่เต็มใจนัก” นายอาลีโพสต์ในทวิตเตอร์ 



เมื่อยังหาโรงพยาบาลเอกชนที่จะนำลูกไปตรวจPCR ไม่ได้ ฟาฮิมโทรกลับไปที่โรงพยาบาลเก่า โดยโรงพยาบาลบอกเขาว่าเด็กถูกย้ายไปที่ MICU ตอนเวลาตี 3 แล้วเมื่อโทรติดต่อกลับไปอีกทีตอนตี 5 ครึ่ง ทางโรงพยาบาลบอกว่าลูกเสียชีวิตแล้ว



ฟาฮิมจึงรีบรุดไปยังโรงพยาบาล โดยหมอบอกว่า เขาต้องเซ็นเอกสาร ฟาฮิมบอกว่าเขาจะเซ็นให้ถ้าเขาสามารถฝังศพลูกเขาได้ และถ้ามีการตรวจ PCR ทางโรงพยาบาลจึงปฏิเสธไม่ให้นำศพเด็กทารกกลับไป และยังสั่งให้ฟาฮิมเซ็นเอกสารอีกเมื่อฟาฮิมยังคงปฏิเสธ ทางการจึงบอกว่าถ้าไม่เซ็นก็กลับไปซะ ฟาฮิมจึงกลับไปโดยไม่ได้เอาศพลูกไปด้วย 



ฟาฮิมเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องสูญเสียลูกไป เขาส่งริฟคานที่เป็นน้องเขยไปเจรจากับทางการ ทางการยังสั่งให้เซ็นเอกสารอีก แต่เขาก็กลับมาโดยไม่ได้เซ็น เขายังบอกอีกว่ามีสื่อหลายสำนักพากันเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวโรงพยาบาล



ประมาณตี 3 ครึ่งฟาฮิมได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลบอกว่า ทางโรงพยาบาลกำลังนำศพเด็กทารกไปยังเผาที่  Borella Crematorium และถ้าต้องการมาก็สามารถมาได้ ฟาฮิมกับเพื่อนอีก 3 คนจึงไปยังสถานที่เผาศพ แต่เขาไม่ต้องการเข้าไปข้างใน เพราะไม่อยากเห็นร่างลูกน้อยที่ถูกเผาไหม้



ฟาฮิมรู้สึกหัวใจสลายที่สื่อกระแสหลักพากันบันทึกวีดีโอในการเผาศพลูกชายตั้งแต่ต้นจนจบ ประหนึ่งเหมือนเป็นการแสดง 



เพื่อนๆ ของฟาฮิมพยาบาลพูดคุยกับทางการอีกครั้งหนึ่งและเป็นครั้งสุดท้าย แต่ทางการกลับปฏิเสธ และเดินหน้าเผาศพเด็กทารก ฟาฮิมกลับบ้านมาพบภรรยาและลูกสาววัย 6 ขวบด้วยความโศรกเศร้า เขาบอกกับอาลีว่า เขาขอดุอา (อธิษฐานต่ออัลลอฮฺว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดกับเด็กๆ มุสลิมคนไหนอีกต่อไป



ฟาฮิมและภรรยาของเขาพยายามมีลูกคนที่ 2 เป็นเวลาถึง 6 ปี การที่ชัยคนมาอยู่กับเขาได้ 20 วันนับเป็นเวลาที่สุดแสนวิเศษยิ่ง



การเผาศพชัยค์เกิดขึ้น หลังจากที่ศาลสูงสุดปัดรับคำร้องที่ให้มีการฝังศพ แทนการบังคับเผาศพมุสลิมที่เสียชีวิตจากโควิด-19 แต่ศาลก็ไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลที่ปฏิเสธคำร้อง มุสลิมที่ส่งคำร้องไปแล้วถึง 12 ครั้ง ซึ่งทางรัฐบาลออกกฏหมายให้มีการบังคับให้เผาศพสำหรับผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม ซึ่งทางมุสลิมบอกว่าเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการเลือกปฏิบัติตามหลักคำเชื่อทางศาสนาอิสลามที่มีกำหนดให้ฝังศพ



ทั้งนี้มีมุสลิมมากกว่า 15 ศพแล้วที่ถูกบังคับเผาศพ จากการเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 มีมุสลิมหลายคนที่เสียชีวิตโดยไม่ติดโควิด-19 แต่ทางโรงพยาบาลก็อ้างว่าเสียชีวิตจากติดโควิด แต่พอทางญาติมาขอตรวจซ้ำกลับมีผลเป็นลบ แต่ถูกทางโรงพยาบาลส่งไปเผาศพแล้ว



ทำให้ญาติประท้วงด้วยการทิ้งศพมุสลิมที่โรงพยาบาลอ้างว่าเสียชีวิตด้วยโควิด19 ไว้ที่ห้องเย็นของโรงพยาบาลอย่างน้อย 15 ราย ไม่ยอมไปเซ็น ไม่ยอมจ่ายเงินค่าเผาศพ บอกว่ารัฐบาลจะเอาศพไปทำอะไรก็เชิญตามสบาย 



จากการบังคับเผาศพด.อายุ 20 วันกลายเป็นประเด็นที่ ทำให้เกิดการลุกขึ้นมาประท้วงอย่างสันติทั่วศรีลังกา ด้วยการเริ่มไปผูกผ้าสีขาวหน้าที่รั้วของ Borella Crematorium ที่ใช้เป็นสถานที่บังคับเผาศพเด็ก แต่ผ่านไปไม่ถึงช..ทางการก็ไปแกะเอาผ้าสีขาวออก และยังมีการประท้วงในอังกฤษ เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับมุสลิมชาวศรีลังกาที่ถูกบังคับเผาศพจากการที่โรงพยาบาลอ้างว่ามุสลิมเสียชีวิตด้วยโรคโควิด19 



ล่าสุด รัฐบาลมัลดีฟส์ ได้ตอบรับรัฐบาลศรีลังกาที่มีการเจรจาในการส่งศพมุสลิมที่เสียชีวิตจากโรคโควิด ให้ไปฝังที่มัลดีฟ์แทน ซึ่งมุสลิมในศรีลังกาต่างพากันปฏิเสธเสียงแข็ง โดยเน้นย้ำว่า เราภาคภูมิใจในการเป็นมุสลิมชาวศรีลังกา เราเกิดที่นี่และเราต้องการที่จะถูกฝังศพที่บ้านเกิดของเรา




ที่มา


https://5pillarsuk.com/wp-json/5pukapi/post_detail?id=45439


https://economynext.com/mourning-dead-muslim-infant-who-was-cremated-76831/


https://www.aljazeera.com/news/2020/12/16/maldives-marginalising-sri-lanka-muslims-with-covid-burial-plan

กองทัพอิสราเอลสังหารเด็กกาซ่า 50 คน ภายใน 2 วัน

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรยูนิเซฟ UNICEF ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีที่นองเลือดในฉนวนกาซาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย...