Sunday, February 19, 2017

❤ ยอดระดมทุนผ่านเว็ปไซต์ “GoFundMe” ให้กับชายมุสลิมชาวลิเบียที่รับเลี้ยงเฉพาะผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้ายในแคลิฟอร์เนียเกินเป้า $100,000 ภายใน 24 ช.ม.


หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์แพ้อุทธรณ์เรื่องกฏหมายสั่งห้ามมุสลิมจาก 7 ประเทศเข้าสหรัฐฯ น.ส.เฮย์ลีย์ เบรนสัน พ็อตส์ Hailey Branson-Potts นักข่าวสาวผู้ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ของหนังสือพิมพ์ลอสแองเจอร์ลิสไทมส์ได้เสนอเรื่องราวสุดประทับใจของนายมูฮัมหมัด บะซี๊ก Mohammad Bzeek เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2017 ซึ่งเขาเป็นมุสลิมจากลิเบียที่อพยพมาอยู่ที่ลอสแองเจอร์ลิสตั้งแต่ปี 1978 ผู้ที่อุทิศตนต่อสังคมอย่างแท้จริง โดยเขาเสนอรับเลี้ยงเฉพาะผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้าย

น.ส.พ็อตส์ต้องการเสนอความเป็นจริงให้ชาวอเมริกันได้รับรู้ว่ามุสลิมจากประเทศที่ทรัมป์แบนนั้นไม่ได้เป็นภัยความมั่นคงต่อสหรัฐฯ แต่กลับทำประโยชน์อย่างสูงสุดให้กับสังคมอเมริกัน

นายบะซี๊ก มุสลิมชาวลิเบียวัย 62 ปี อาศัยอยู่ที่ Azusa แคลิฟอร์เนีย เขาเป็นคนเงียบๆ และปฏิบัติศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด เขาเป็นคนๆ เดียวที่ได้รับใบอนุญาตให้รับเลี้ยงเด็กที่ป่วยระยะสุดท้าย เขารับเลี้ยงผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้ายมาแล้ว 20 ปีไม่เคยได้พักแม้สักวันเดียว ขณะเดียวกันเขาก็ดูแลลูกชายพิการวัย 19 ปีที่มีการพัฒนาการล่าช้าอีกด้วย

ทางการมีความต้องการครอบครัวที่รับเลี้ยงผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้ายเป็นอย่างมาก และก็มีเพียงนายบาซี๊กคนเดียวที่อ้าแขนรับเด็กเหล่านี้

“ถ้ามีใครคนหนึ่งโทรหาเราว่า เด็กผู้ป่วยระยะสุดท้ายคนนี้ต้องการคนเลี้ยงดู ก็มีคนๆ เดียวที่เราคิดถึงตลอด นายบะซิ๊กเป็นคนๆ เดียวจริงๆ ที่รับผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้าย ที่อาจมีชีวิตอีกไม่กี่วันมาเลี้ยง “ น.ส.มาริสา เทสเตอร์แมน Melissa Testerman ฝ่ายประสานงานกรมกิจการเด็กและครอบครัว กล่าว

นายบะซี๊กได้ฝังผู้ป่วยเด็กไปแล้ว 10 คน เด็กบางคนถึงกับเสียชีวิตในอ้อมแขนของเขา ขณะนี้นายบะซี๊กได้เลี้ยงดูเด็กหญิงวัย 6 ขวบที่มีความบกพร่องทางสมอง โดยเด็กคนนี้ตาบอด หูหนวก มีอาการชักกระตุกในทุกๆ วัน และอัมพาตเกือบทั้งตัว เขาจะจ้างพยาบาลมาช่วยดูขณะที่เขาไปละหมาดที่มัสยิด ส่วนเวลาที่เหลือทั้งหมดเขาดูแลด้วยตัวเองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือโรงพยาบาลก็ตาม นายบะซี๊กเล่าว่าเมื่อเด็กตื่น เขาต้องรีบตื่นตามทันที เพราะเด็กอาจเป็นอันตรายได้ถ้าไม่มีผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิด

“ผมก็รู้ว่าเธอไม่สามารถได้ยิน มองไม่เห็น แต่ผมก็พูดคุยกับเธอตลอดเวลา ผมกอดเธอตลอด เล่นกับเธอ เธอมีความรู้สึก เธอมีจิตวิญญาณ และเธอก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกับเรา”

“ที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณต้องรักพวกเขาเหมือนกับลูกของคุณเอง” นายบะซี๊ก กล่าว

ปรากฏว่านางมากาเร็ต ค็อตส์ Magaret Cotts จากโอ๊คแลนด์ แคลิฟอร์เนีย เป็นชาวยิว วัย 52 ปีที่ได้อ่านเรื่องของนายบะซี๊ก และเกิดความประทับใจในตัวของเขาเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจเริ่มแคมเปญระดมทุนผ่านเว็ปไซต์ GoFundMe เพื่อเป็นการขอบคุณต่อน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ของนายบะซี๊ก ปัจจุบันเขาได้รับเงินจากรัฐบาล $1,700ต่อเดือน และการที่เขามีลูกที่พิการอยู่แล้ว ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการดูแล

ภายใน 24 ช.ม. ของการเริ่มแคมเปญระดมทุน ชาวอเมริกันจากทุกๆ รัฐร่วมใจกันบริจาคเงินกันเข้ามาอย่างล้นหลามและเกินเป้า 100,000 เหรียญดอลลาห์สหรัฐฯ และตอนนี้พุ่งเป้าถึง $199,115 เหรียญเรียบร้อยแล้ว นางมากาเร็ตได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายบะซี๊กถึงแผนการใช้นำเงินจำนวนนี้ และมีการอัพเดพทข้อมูลล่าสุดให้ผู้บริจาคได้รับทราบกันถ้วนหน้า

กองทัพอิสราเอลสังหารเด็กกาซ่า 50 คน ภายใน 2 วัน

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรยูนิเซฟ UNICEF ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีที่นองเลือดในฉนวนกาซาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย...