Sunday, February 26, 2017

🎬 ชายผู้สูงวัยชาวปาเลสไตน์ยืนประจัญหน้าด้วยมือเปล่ากับทหารอิสราเอลที่มีอาวุธครบมืออย่างกล้าหาญ



เฮบรอน – ดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง: ชายผู้สูงวัยชาวปาเลสไตน์ผู้กล้าหาญผู้นี้คือ นายซียาด อาบู ฮาลิ๊ลฺ วัย 67 ปี ยืนเผชิญหน้ากับทหารอิสราเอลที่มีอาวุธครบมือด้วยมือเปล่า สั่งให้ทหารอิสราเอลหยุดยิงชาวปาเลสไตน์ที่รวมตัวประท้วงอิสราเอลกันอยู่ 

“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น  ผมจะหยุดพวกคุณให้หยุดยิงพวกเขา (ชาวปาเลสไตน์ที่ยืนประท้วงอยู่) ให้ได้..... ผมจะไม่อนุญาตให้พวกคุณยิงหรือฆ่าผู้ประท้วงแม้สักคนเดียว... ถ้าคุณต้องการ  ยิงมาที่ผมนี่  มันเป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ นี่เป็นการประท้วงที่สันติและพวกเขาไม่มีอาวุธอะไรเลย.... เอาพวกสวะที่มาตั้งถิ่นฐาน (พวกยิว) ในปาเลสไตน์ออกไปจากที่นี่ซะ  ผมอยู่ตรงนี้ยืนอยู่บนแผ่นดินของผม  ผมยืนอยู่ที่บ้านของผม....” 

ที่มาของคลิป – 
Doc Jazz

#ปาเลสไตน์  

Thursday, February 23, 2017

หญิงที่ถ่ายคลิปนั่งปัสสาวะราดพร้อมจุดไฟเผากุรอานถูกศาลสั่งจำคุก 6 ปี

 
นางชีล่า ชะเมียร์โคว่า Sheila Szmerekova วัย 24 ปี ถ่ายคลิปโพสต์ลงโซเชียลมีเดียเมื่อเดือนธันวาคม 2559 โดยนางฉีกคัมภีร์กุรอานออกเป็นแผ่นๆ วางไว้ที่พื้นและนั่งปัสสาวะราด มากไปกว่านั้นนางยังเอาแผ่นกุรอานมาเช็ดที่อวัยวะเพศ พร้อมจุดไฟเผากุรอาน ซึ่งมีธงชาติสโลวาเกียอยู่ข้างหลัง ทำให้มุสลิมจำนวนมากในโลกออนไลน์โกรธเคืองเป็นอย่างมาก และมีคนในสโลวาเกียหลายคนเข้าแจ้งความกับตำรวจ 


นางชีล่ายังข่มขู่อีกว่าถ้ามีโอกาสเจอมุสลิมไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้หญิง หรือผู้ชายจะจัดการให้หมด และไม่สนใจว่าถ้าจะมีใครโทรแจ้งตำรวจ โพไฟล์ในเฟสบุ๊กส์ของนางมีแต่ข้อความที่แสดงความเกลียดชังต่อมุสลิม


เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา สื่อของเมโทรนิวส์ของอังกฤษ ได้รายงานข่าวว่า ตำรวจได้เข้าจับกุมนางชิล่า ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงของ Ruzomberok ในสโลวาเกีย 



นางได้ถูกศาลสั่งจำคุก 6 ปี ได้ใช้แผ่นกระดาษคลุมหน้าตัวเองระหว่างเดินออกมาจากศาลและหลีกเลี่ยงการการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่รอทำข่าวนางอยู่ 


นางโอก่า ซึ่งเป็นมารดาของนางชิล่าให้สัมภาษณ์ต่อสื่อของสโลวาเกียว่า ลูกสาวของนางเริ่มเกเรหลังจากถูกชาวยิบซีที่มาจากประเทศโรมาเนียข่มขื่นขณะที่อายุได้ 14 ปี นางได้อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชเป็นเวลา 3 เดือนและอยู่ในสถานพินิจตอนเป็นวัยรุ่น 


อ้างจากสื่อท้องถิ่น นางไชล่ามีลูกชายหนึ่งคนวัย 7 ขวบชื่อโทบีย์ ถูกรัฐบาลนำตัวเด็กไปเลี้ยงในสถานรับเลี้ยงเด็ก เพราะนางดื่มเหล้าหนักมาก และไม่เคยเลี้ยงดูลูกเลย 

 
ที่มา - http://metro.co.uk/…/woman-who-urinated-on-koran-and-set-…/…

Sunday, February 19, 2017

❤ ยอดระดมทุนผ่านเว็ปไซต์ “GoFundMe” ให้กับชายมุสลิมชาวลิเบียที่รับเลี้ยงเฉพาะผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้ายในแคลิฟอร์เนียเกินเป้า $100,000 ภายใน 24 ช.ม.


หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์แพ้อุทธรณ์เรื่องกฏหมายสั่งห้ามมุสลิมจาก 7 ประเทศเข้าสหรัฐฯ น.ส.เฮย์ลีย์ เบรนสัน พ็อตส์ Hailey Branson-Potts นักข่าวสาวผู้ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ของหนังสือพิมพ์ลอสแองเจอร์ลิสไทมส์ได้เสนอเรื่องราวสุดประทับใจของนายมูฮัมหมัด บะซี๊ก Mohammad Bzeek เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2017 ซึ่งเขาเป็นมุสลิมจากลิเบียที่อพยพมาอยู่ที่ลอสแองเจอร์ลิสตั้งแต่ปี 1978 ผู้ที่อุทิศตนต่อสังคมอย่างแท้จริง โดยเขาเสนอรับเลี้ยงเฉพาะผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้าย

น.ส.พ็อตส์ต้องการเสนอความเป็นจริงให้ชาวอเมริกันได้รับรู้ว่ามุสลิมจากประเทศที่ทรัมป์แบนนั้นไม่ได้เป็นภัยความมั่นคงต่อสหรัฐฯ แต่กลับทำประโยชน์อย่างสูงสุดให้กับสังคมอเมริกัน

นายบะซี๊ก มุสลิมชาวลิเบียวัย 62 ปี อาศัยอยู่ที่ Azusa แคลิฟอร์เนีย เขาเป็นคนเงียบๆ และปฏิบัติศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด เขาเป็นคนๆ เดียวที่ได้รับใบอนุญาตให้รับเลี้ยงเด็กที่ป่วยระยะสุดท้าย เขารับเลี้ยงผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้ายมาแล้ว 20 ปีไม่เคยได้พักแม้สักวันเดียว ขณะเดียวกันเขาก็ดูแลลูกชายพิการวัย 19 ปีที่มีการพัฒนาการล่าช้าอีกด้วย

ทางการมีความต้องการครอบครัวที่รับเลี้ยงผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้ายเป็นอย่างมาก และก็มีเพียงนายบาซี๊กคนเดียวที่อ้าแขนรับเด็กเหล่านี้

“ถ้ามีใครคนหนึ่งโทรหาเราว่า เด็กผู้ป่วยระยะสุดท้ายคนนี้ต้องการคนเลี้ยงดู ก็มีคนๆ เดียวที่เราคิดถึงตลอด นายบะซิ๊กเป็นคนๆ เดียวจริงๆ ที่รับผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้าย ที่อาจมีชีวิตอีกไม่กี่วันมาเลี้ยง “ น.ส.มาริสา เทสเตอร์แมน Melissa Testerman ฝ่ายประสานงานกรมกิจการเด็กและครอบครัว กล่าว

นายบะซี๊กได้ฝังผู้ป่วยเด็กไปแล้ว 10 คน เด็กบางคนถึงกับเสียชีวิตในอ้อมแขนของเขา ขณะนี้นายบะซี๊กได้เลี้ยงดูเด็กหญิงวัย 6 ขวบที่มีความบกพร่องทางสมอง โดยเด็กคนนี้ตาบอด หูหนวก มีอาการชักกระตุกในทุกๆ วัน และอัมพาตเกือบทั้งตัว เขาจะจ้างพยาบาลมาช่วยดูขณะที่เขาไปละหมาดที่มัสยิด ส่วนเวลาที่เหลือทั้งหมดเขาดูแลด้วยตัวเองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือโรงพยาบาลก็ตาม นายบะซี๊กเล่าว่าเมื่อเด็กตื่น เขาต้องรีบตื่นตามทันที เพราะเด็กอาจเป็นอันตรายได้ถ้าไม่มีผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิด

“ผมก็รู้ว่าเธอไม่สามารถได้ยิน มองไม่เห็น แต่ผมก็พูดคุยกับเธอตลอดเวลา ผมกอดเธอตลอด เล่นกับเธอ เธอมีความรู้สึก เธอมีจิตวิญญาณ และเธอก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกับเรา”

“ที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณต้องรักพวกเขาเหมือนกับลูกของคุณเอง” นายบะซี๊ก กล่าว

ปรากฏว่านางมากาเร็ต ค็อตส์ Magaret Cotts จากโอ๊คแลนด์ แคลิฟอร์เนีย เป็นชาวยิว วัย 52 ปีที่ได้อ่านเรื่องของนายบะซี๊ก และเกิดความประทับใจในตัวของเขาเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจเริ่มแคมเปญระดมทุนผ่านเว็ปไซต์ GoFundMe เพื่อเป็นการขอบคุณต่อน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ของนายบะซี๊ก ปัจจุบันเขาได้รับเงินจากรัฐบาล $1,700ต่อเดือน และการที่เขามีลูกที่พิการอยู่แล้ว ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการดูแล

ภายใน 24 ช.ม. ของการเริ่มแคมเปญระดมทุน ชาวอเมริกันจากทุกๆ รัฐร่วมใจกันบริจาคเงินกันเข้ามาอย่างล้นหลามและเกินเป้า 100,000 เหรียญดอลลาห์สหรัฐฯ และตอนนี้พุ่งเป้าถึง $199,115 เหรียญเรียบร้อยแล้ว นางมากาเร็ตได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายบะซี๊กถึงแผนการใช้นำเงินจำนวนนี้ และมีการอัพเดพทข้อมูลล่าสุดให้ผู้บริจาคได้รับทราบกันถ้วนหน้า

Saturday, February 18, 2017

อิสราเอลบอกกับผู้ป่วยโรคหัวใจวัย 17 ปี ให้เป็นสายลับให้ ถ้าปฏิเสธก็จงไปตายซะ!

หน่วยงานความมั่นคงของอิสราเอลบอกกับอะฮฺหมัดอย่างชัดเจนว่า อิสราเอลจะอนุญาตให้เขาข้ามพรมแดนเพื่อไปทำการผ่าตัดหัวใจได้ ถ้าอะฮฺหมัดตกลงเป็นสายลับให้กับอิสราเอล ซึ่งตอนนี้เขาได้เสียชีวิตไปแล้วหลังจากปฏิเสธข้อเสนอ


อะฮฺหมัด วัย 17 ปี เป็นโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด และผ่าตัดมาหลายครั้งแล้ว เขาต้องเดินทางออกจากฉนวนกาซ่าที่เวสต์แบงก์ เพื่อไปรักษาตัวบ่อยครั้ง และได้ผ่าตัดไป 18 ครั้งแล้ว


การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจถูกเลื่อนออกไปหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งอะฮฺหมัดถูกติดต่อให้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยความมั่นคงเสียก่อนที่ Erez Crossing ซึ่งเป็นพรมแดนแห่งเดียวที่เปิดให้ชาวฉนวนกาซ่าข้ามไปยังอิสราเอลได้

ขณะที่เข้าพบเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง อะฮฺหมัดถูกชักชวนให้ร่วมมือเป็นสายลับให้กับทางหน่วยงาน ทางอิสราเอลจะตอบแทนอะฮฺหมัด ด้วยการอนุญาตให้เดินทางข้ามพรมแดนไปผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจได้

อ้างจากบิดาของอะฮฺหมัด นายฮาซัน ชุบบรี๊ Hassan Shubeir กล่าวว่าเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงคนหนึ่งบอกอะฮฺหมัดให้ช่วยทางรัฐบาลอิสราเอล ด้วยการบอกชื่อต่างๆ ของตำแหน่งที่ตั้งหลายแห่งในฉนวนกาซ่า เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงกล่าวว่าเขาจะส่งอะฮฺหมัดไปผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจทันทีเพื่อแลกกับข้อมูล

ส่วนอะฮฺหมัดนั้นปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลต่างๆ กับเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงของอิสราเอล

ทางเจ้าหน้าที่อิสราเอลขู่ว่าถ้าอะฮฺหมัดไม่ให้ข้อมูลต่างๆ ที่เขาต้องการเขาจะไม่อนุญาตให้ข้ามพรมแดนไปผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ

อะฮฺหมัดเลือกที่จะอยู่ในฉนวนกาซ่า แม้กระทั่งเขาต้องนอนรอความตาย สุขภาพร่างกายของอะฮฺหมัดย่ำแย่ลง และเขาได้เสียชีวิตลงเมื่อเดือนที่แล้ว (มกราคม 2560)




ที่มา –
Israel tells Gaza heart patient: Spy for us or die
https://www.middleeastmonitor.com/20170214-israel-tells-ga…/

Wednesday, February 15, 2017

หญิงกีวีปากระป๋องเบียร์ใส่กลุ่มมุสลิมหญิงและด่าทออย่างหยาบคาย



เมะฮฺปาร่า คาน Mehpara Khan วัย 28 ปี เป็นที่ปรึกษาด้านการสื่อสารต่อองค์กรต่างๆ ร่วมเดินทางกับเพื่อนๆ อีก 4 คน ซึ่งกำลังเดินทางกลับมายังโอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์ จากการขับรถไปเที่ยวกันที่นิว เพียเมาท์ New Plymouth เมื่อวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2017

น.ส.คานโพสต์ในเฟสบุ๊กส์ส่วนตัวในวันเดียวกันพร้อมคลิปวีดีโอโดยเล่าว่า ฉันถูกทำร้ายร่างกายเพราะฉันเป็นมุสลิม ฉันตัวสั่นอยู่ในตอนนี้ หล่อนพยายามโยนเบียร์ใส่ฉันหลายครั้ง” ทำให้มีคนทั้งต่างศาสนิกและมุสลิมเข้ามาโพสต์ความคิดเห็นให้กำลังใจกันมากมาย โดยมีคนกดไลค์ 8,800 คน และคลิปวีดีโอถูกแชร์ไปถึง 8,416 ครั้ง

ขณะที่ขับรถกลับโอ๊คแลนด์ เพื่อนสาว 2 คนขอแวะเข้าห้องน้ำข้างทางที่ State Highway 1 ใกล้แม่น้ำไวกาโต้ Waikato River เมืองไวกาโต้ Waikato town ส่วนตัวน.ส.คานและเพื่อนสาวอีก 2 คน ออกจากรถมาเพื่อยืดเส้นยืดสาย หลังจากขับรถกันมานานพอสมควร

น.ส.มีแกน วอลตัน Megan Walton วัย 27 ปี ได้เดินออกมาจากห้องน้ำ และเริ่มปากระป๋องเบียร์ใส่น.ส.คานและเพื่อนๆ พร้อมด้วยการด่าทอพวกเขาด้วยคำพูดที่หยาบคาย เหยียดเชื้อชาติ

“จู่ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็ออกมาจากห้องน้ำ และเริ่มด่าทอเราบอกกับเราว่า เราไม่มีสิทธิ์อยู่ที่ประเทศนี้ และเราในฐานะที่เป็นมุสลิม เธอกล่าวกับพวกเราด้วยคำหยาบคายว่า f**k off” น.ส.คานกล่าว

ก่อนหน้านี้น.ส.คานเคยประสบเหตุอิสลามโมโฟเบียมาแล้ว แต่ครั้งนี้เธอตัดสินใจถ่ายคลิปวีดีโอขณะที่น.ส. วอลตัน ปากระป๋องเบียร์ใส่ ซึ่งทำให้น.ส.วอลตันโมโหมากยิ่งขึ้น ปากระป๋องเบียร์ใส่พวกเขาอีกพร้อมด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย

แล้วน.ส.วอลตันก็เดินจากไป แต่เดินกลับมาอีกหลังจากน.ส. คานและเพื่อนๆ เข้ามานั่งในรถกันเรียบร้อยแล้ว

“เราล็อคประตูรถ และกำลังจะขับรถออกไป เมื่อผู้หญิงคนเดิมเดินกลับมาอีก และได้พยายามเข้ามานั่งรถ และตบหน้าต่างรถอีกหลายครั้ง” น.ส.คานกล่าวในเฟสบุ๊กส์ ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งเดินมายังหญิงคนนี้และพยายามทำให้เธอใจเย็นลง

เมื่อน.ส.คานและเพื่อนๆ ขับรถกลับมาถึงโอ๊คแลนด์ พวกเขาได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจใน Manukau ทางตำรวจเผยว่า น.ส.วอลตันบอกกับตำรวจว่า เธอเมาเกินไปและจำอะไรไม่ได้เลย

น.ส.วอลตัน ถูกจับและศาลตัดสินข้อหาทำร้ายร่างกาย 2 ข้อหา และอีก 1 ข้อหาคือฝ่าฝืนต่อกฏหมายว่าด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

ที่มา –
Mehpara Khan เฟสบุ๊กส์
Muslim abuser makes court appearance, pleads guilty
http://www.stuff.co.nz/…/muslim-abuser-makes-court-appearan…

Sunday, February 12, 2017

ด.ช.อับดุลบารี วัย 9 ปี อัจฉริยะทางคณิตศาสตร์



เด็กชายอับดุลบารี วัย 9 ปีจากนนทบุรี ออกรายการ Super 10 ซึ่งน้องได้แสดงความเป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ต้ังแต่วัยเด็ก คิดเลขในใจได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ และมีสมาธิดีมากๆ มาชาอัลลอฮฺ

ที่มา - รายการ Super 10

Thursday, February 9, 2017

จับชายเตรียมจุดไฟเผาตัวเองหน้ากะบะฮฺ ที่นครมักกะฮฺ


เหตุเกิดในตอนกลางคืนของวันจันทร์ที่ 6 ก.พ. 2560 โดยมีชายคนหนึ่งพยายามใช้น้ำมันราดตัวเตรียมจุดไฟเผาตนเองหน้ากะอฺบะฮฺ ที่นครมักกะฮฺ แต่ถูกตำรวจจับตัวได้เสียก่อน

ต่อมาโฆษกของฝ่ายรักษาความปลอดภัยของมัสยิดอัลฮารอมได้ระบุว่า ชายผู้นี้มีอาการป่วยทางจิต

ที่มา –
สำนักข่าว Middle East Eye

Friday, February 3, 2017

หญิงเอเชียด่าทอหญิงมุสลิมที่ใส่นิกอบในมหาวิทยาลัย

หญิงเอเชียตามทุบกระจบรถหญิงมุสลิมที่สวมนิกอบในมหาวิทยาลัย ใช้คำหยาบสั่งให้เธอถอดนิกอบและออกมาจากรถ



เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2017 นายแรมซี่ อาลามูดี่ Ramzy Alamudi ได้โพสต์ลงในเฟสบุ๊กส์ส่วนตัวแชร์คลิปวีดีโอที่หญิงชาวเอเชียคนหนึ่งตามคู่สามีภรรยามุสลิมมาถึงที่รถ และทุบกระจกซ้ำๆ พร้อมด่าทอ สั่งให้หญิงมุสลิมที่สวมนิกอบถอดผ้าออก และออกมานอกรถ 


นายอาลามูดี่ เล่าว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2017 เขาขับรถไปรับภรรยาที่เรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์  และเพิ่งสอบเสร็จ เขากำลังจะไปเฉลิมฉลองกับการสอบครั้งสุดท้ายของภรรยา  แต่ปรากฏว่าระหว่างที่เดินมาที่จอดรถของมหาวิทยาลัยแมคควอรี่ ทางฝั่งเหนือของซิดนีย์  เขาทั้งคู่สังเกตุเห็นว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองลักษณะอาฆาตแค้น  ภรรยาของเขาจึงโบกมือให้เพื่อแสดงความเป็นมิตร


จากจุดนี้เองที่หญิงผู้นี้เริ่มโชว์นิ้วกลางแล้วกล่าวคำหยาบคายออกมาว่า “F_ck you!”  นางสั่งหญิงมุสลิมผู้นี้ที่สวมนิกอบว่าให้ถอดผ้านิกอบออกซะ จากนั้นจึงรีบเดินมายังรถ  นายอาลามูดี่บอกภรรยาให้รีบล็อครถ และให้ถ่ายคลิปวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน


นายอาลามูดี่กล่าวว่า อิสลามโมโฟเบีย เกิดขึ้นกับมุสลิมในออสเตรเลียบ่อยครั้งมาก  เนื่องจากนักการเมืองและสื่อกระแสหลักที่คอยโจมตีและเสนอข่าวที่ไร้ความเป็นธรรมต่อชาวมุสลิม  แถมบอกว่าโชคดึที่เหตุการณ์เลวร้ายนี้เกิดขึ้นกับเขา ไม่ได้เกิดขึ้นกับมุสลิมคนอื่นๆ ที่ไม่สามารถที่จะป้องกันตนเองได้


ส่วนน.ส. เอมิลี่ เกรซ กัฟ Emily Grace Guff  ซึ่งเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแมคควอรี่ ที่เห็นเหตุการณ์นี้พอดี  จึงนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปแล้วโพสต์ลงเฟสบุ๊กส์ส่วนตัวเมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2017 ว่า ในชีวิตของเธอไม่เคยเห็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจที่มนุษย์คนหนึ่งประพฤกติตนอย่างเลวร้ายต่อมนุษย์คนอื่นๆ   เธอเล่าให้ฟังว่าเธอกำลังจะขับรถออกจากที่จอดรถของมหาวิทยาลัย เหลือบเห็นชายที่มีรูปพรรณสัณฐานเป็นชายชาวตะวันออกกลางคนหนึ่งและหญิงเอเชีย ที่ทั้งคู่ต่างผลักกันไปมา  และต่างคนต่างตะโกนขอความช่วยเหลือ  


เมื่อน.ส.กัฟได้ไปยังที่เกิดเหตุ  รู้สึกช็อคที่ทราบว่าชายมุสลิมผู้นี้พยายามจะป้องกันหญิงเอเชียผู้นี้ไม่ให้ไปทำร้ายภรรยาของเขา  น.ส.กัฟกล่าวว่า นางมีสิทธิอะไรที่ไปรังแกหญิงมุสลิมเพราะชุดที่เธอใส่  โดยหญิงเอเชียผู้นี้อ้างว่า นางรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อเห็นหญิงมุสลิมผู้นี้เดินอยู่ในมหาวิทยาลัย  นางสั่งให้สามีของหญิงมุสลิมโชว์บัตรนักศึกษา พร้อมตะโกนว่าหญิงมุสลิมผู้นี้ไม่มีสิทธิเรียนที่นี่ และไม่สมควรให้เธอเดินไปมาอย่างเสรีแบบนี้  เพราะไม่ทราบว่าเธอซ่อนอาวุธอะไรไว้ในชุดของเธอ  ขณะที่หญิงเอเชียผู้นี้ตะโกนโวยวายอยู่ ลูกเล็กๆ ของนางก็นั่งอยู่ในรถที่ไม่ได้ล็อค และรถจอดห่างอยู่หลายเมตร


คลิปวีดีโอที่น.ส.กัฟถ่ายตอนที่เจ้าหน้าที่รักความปลอดภัยมาถึง หญิงเอเชียผู้นี้พูดซ้ำๆ กับเจ้าหน้าที่รปภ.ว่า นางรู้สึกหวาดกลัวเมื่อมีหญิงมุสลิมที่สวมนิกอบปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ เธอ 


น.ส.กัฟแสดงความเห็นต่อว่า เธอรู้สึกขยะแขยงที่อยู่บนโลกที่มีมนุษย์พวกนี้ที่ด่าทอคนอื่นเพราะต่างกันที่ชาติพันธุ์และต่างศาสนา เธอลงท้ายว่าคนที่ไม่สมควรอยู่ที่ออสเตรเลียคือผู้หญิงเอเชียคนนี้ที่เหยียดเชื้อชาติและศาสนาผู้อื่นที่เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้ทำร้ายใคร


ต่อมามหาวิทยาลัยแมคควอรี่ได้ออกแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้แจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว และยืนยันว่ามหาวิทยาลัยมีความภูมิใจกับความหลากหลาย  พร้อมยอมรับหลักปฏิบัติของทุกๆ ศาสนาของนักศึกษา


จากนั้น หญิงเอเชียที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อวัย 35 ปี ถูกตำรวจจับกุมตัว ข้อหาทำร้ายร่างกายทั่วไป และทำลายทรัพย์สินผู้อื่น โดยที่นางต้องไปปรากฏตัวที่ศาลเบอร์วูด ในวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม ที่จะถึงนี้


ที่มา - 
HTTPS://WWW.FACEBOOK.COM/RALAMUDI/VIDEOS/VB.100001238027652/1387266157991305/?TYPE=2&THEATER

HTTPS://WWW.FACEBOOK.COM/EMILYGRACEGUFF/POSTS/10209594401391511?PNREF=STORY

📌💔 ชายชาวปาเลสไตน์ชูร่างเด็กแรกเกิดหัวขาดในกาซ่า

ข่าวที่สื่อกระแสหลักทั่วโลกรวมทั้งในไม่ต้องการเสนอ คลิปชายชูร่างทารกแรกเกิดวัย 2 อาทิตย์ ในสภาพหัวขาด จากการที่กองทัพอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มค...