Sunday, July 31, 2016

“พระมหาอภิชาติ”ออกคลิปโต้มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ

“พระมหาอภิชาติ”ออกคลิปโต้มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ ลั่นตอบโต้โจรมุสลิมไม่กระทบมั่นคง ท้าฆ่าพระอีกองค์สงครามแบบพม่าเกิดแน่




31/07/16


ผู้สื่อข่าวรายงาน คลิปในยูทูปโพสโดย ชื่อ วิระทู โมเดล หัวข้อ ดุเดือด !! พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท ตอบโต้กลุ่มมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ สืบเนื่องจากกรณี นายปราโมทย์ สมะดี ประธานมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติทำหนังสือถึงสำนักนายกรัฐมนตรีให้ตรวจสอบพฤติกรรมพระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท ที่แสดงพฤติกรรมในโลกออนไลน์มีเนื้อหาสร้างความแตกแยก เกิดความเกลียดชังด้านศาสนา หยิบโยงกลุ่มก่อการร้ายกับมุสลิมใต้


ทั้งนี้เนื้อหาในคลิปล่าสุดที่พระมหาอภิชาตอัดคลิปออกมา มีใจความท้าทายกว่าครั้งก่อนๆไม่เกรงกลัวกฎหมาย พร้อมลั่นวาจาจะตอบโต้ หากในพื้นที่ภาคใต้เกิดการฆ่าพระสงฆ์ขึ้นอีก1 รูป สงครามศาสนาเฉกเช่น ในประเทศพม่าที่พระวิระธู นำมวลประชาชนบุกเผามัสยิด จะเกิดขึ้นในประเทศไทย พร้อมทั้งโจมตีมุสลิมในประเทศไทยว่า เนรคุณ


ด้านอาจารย์ซาการียา สุขจันทร์ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติกล่าวว่า คงต้องแจ้งความดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ฝากเตือนมุสลิมทุกคนให้ใช้วาจาสุภาพชี้แจงสิ่งที่ถูกต้องกับคนต่างศาสนิก และอย่าไปตอบโต้โดยใช้วาจาไม่สุภาพกับพระมหาอภิชาติหรือใครก็ตามที่ไม่เข้าใจอิสลามเพราะจะตกเป็นเครื่องมือกลับมาโจมตีมุสลิมหรือผู้ที่โพสต์ข้อความได้ และขอร้องให้มุสลิมทุกคนไปแจ้งความดำเนินคดีกับพระมหาอภิชาติที่สน.ใกล้บ้าน


ที่มา - White News

วีดีโอ - วิระทู โมเดล

Friday, July 29, 2016

รัฐบาลอัสซาดทิ้งระเบิดถล่มโรงพยาบาล 6 แห่งตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว

29/07/2016



ภายใน 24 ช.ม.รัฐบาลซีเรียได้ใช้เครื่องบินรบปฏิบัติการโจมตีทาง
อากาศถล่มอาคารที่ทำเป็นโรงพยาบาลชั่วคราวไปถึง 4 แห่งและ
ธนาคารเลือด 1 แห่งในอเลปโป


“โรงพยาบาลทั้ง 5 แห่งถูกถล่ม (เมื่อคืน 24/07/16) และตอนนี้ได้งด
ให้บริการ” นายอัมมาร์ ซัลโม Ammar Salmo โฆษกหน่วยอาสา
สมัครกู้ภัยของกลุ่มหมวกขาวกล่าวกับสำนักข่าวอัลญะซีเราะฮฺ


มีเด็กทารกอายุเพียง 2 วันได้เสียชีวิตในโรงพยาบาลเด็ก ซึ่งตั้งอยู่
ทางย่านตะวันออกของเมืองอเลปโป อ้างจากสมาคมแพทย์อิสระ 
Independent Doctors Association กลุ่มแพทย์ในซีเรียที่ให้การ
สนับสนุนจัดตั้งคลีนิกในเมือง


“โรงพยาบาลแห่งเดียวที่ถูกพุ่งเป้าโจมตีโดยตรง ประชาชนบอกว่า
ทางโรงพยาบาลหยุดให้บริการในตอนนี้ แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกกับเรา
ว่า โรงพยาบาลจะกลับมาให้บริการอีกครั้งหลังจากสองสามวัน” นาย
เบอร์นาร์ด สมิทธ์ Bernard Smith ผู้สื่อข่าวสำนักงานอัลญะซีเราะฮฺ
กล่าว


“ส่วนโรงพยาบาลอื่นๆ และโรงพยาบาลเลือด ตั้งอยู่ในบริเวณที่เกิด
เหตุโจมตีทางอากาศ แต่ไม่ได้ตกเป็นเป้าโจมตีโดยตรง ไม่มีอาคาร
ใดๆ ของโรงพยาบาลเหล่านั้นถูกทำลาย แต่ห้องผ่าตัดต่างๆ ได้รับ
ผลกระทบจากเหตุระเบิดบริเวณนั้น มันควรจะเป็นการหยุดยิงที่เริ่มขึ้น
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่การหยุดยิงมันเป็นเพียงแค่ชื่อเท่านั้น” นาย
สมิทธ์กล่าวเพิ่มเติม


ล่าสุด เมื่อตอนบ่ายของวันศุกร์ที่ 29/07/16 ได้มีปฏิบัติการโจมตีทาง
อากาศพุ่งเป้าไปที่โรงพยาบาลผดุงครรภ์ในอิดลิบ ซึ่งเป็นโรง
พยาบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรช่วยเหลือเด็ก Save the 
Children)


โรงพยาบาลผดุงครรภ์แห่งนี้เป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในอิดลิบ 
และให้บริการทำคลอดทารกมากกว่า 700 รายต่อเดือน

ทางองค์กรช่วยเหลือเด็กกล่าวว่า ได้เกิดเหตุระเบิดหลายลูกตรง
บริเวณทางเข้าของโรงพยาบาลในตอนบ่ายของวันศุกร์ (29/07/16) 
นางคาร์โรไลน์ แอนนิ้ง Caroline Anning โฆษกขององค์กรกล่าวกับ
สำนักช่าวดิอินดิเพนเดนต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตตอนนี้อย่างน้อย 2 ราย 
และบาดเจ็บหลายคนรวมถึงทารก แต่คาดว่าจะมีจำนวนผู้เสียชีวิต
เพิ่มมากขึ้น


ยังไม่เป็นการชัดเจนว่าทางโรงพยาบาลตกเป็นเป้าการโจมตีหรือ
เป็นการเสียหายโดยอุบัติเหตุ เนื่องจากมีรถคันหนึ่งที่จอดหน้าโรง
พยาบาลไหม้เสียหาย ทั้งคัน


กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (Syrian Observatory 
for Human Rights) ได้กล่าวว่า อาคารของเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่อยู่ใน
คัฟเฟอร์ ธักฮารีม Kafer Takhareem ถูกระเบิดถล่มเช่นกัน ส่วนทาง
ตอนเหนือของเขตชนบทที่อิดลิบ รายงานว่ามีการโจมตีทางอากาศ
หลายครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คนและบาดเจ็บอย่าง
น้อย 25 คนในวันศุกร์ที่ 29/07/16


Monday, July 25, 2016

กล้องจากหลายมุมจับภาพนาทีที่ทหารก่อรัฐประหารทิ้งระเบิดถล่มประชาชนหน้าทำเนียบประธานาธิบดีตุรกี

25/07/16



ในเช้าของวันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม 2016 ทหารบางส่วนของตุรกีที่
พยายามก่อรัฐประหารแล้วต้องประสบกับความล้มเหลว และทหาร
จำนวนหนึ่งยอมเดินเข้ามอบตัวต่อทางการ ทางสื่อกระแสหลักหลาย
แห่งได้นำภาพของประชาชนชาวตุรกีบางส่วนที่มีการรุมทำร้ายทหาร
ที่เข้ามอบตัวกับทางการ มาใช้เป็นประเด็นพาดหัวข่าว ซึ่งถือเป็นการ
เสนอข่าวเพียงด้านเดียวและต้องการทำลายภาพลักษณ์ของ
ประชาชนชาวตุรกีที่ออกมาประท้วงต่อต้านกลุ่มทหารที่ก่อรัฐประหาร
ว่า เป็นพวกมุสลิมป่าเถื่อนนิยมความรุนแรง


จุดประสงค์ที่นำคลิปวีดีโอนี้มาแชร์ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นจาก
หลายมุมของบริเวณข้างหน้าทำเนียบประธานาธิบดีตุรกีที่กรุง
อังการา ซึ่งได้บันทึกเหตุการณ์ตอนเช้าที่ 16 กรกฎาคม 2016 ใน
ขณะที่ทหารก่อรัฐประหารใช้เครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์โจมตีทาง
อากาศ โดยทิ้งระเบิดถล่มประชาชนที่ออกมาประท้วงต่อต้าน
รัฐประหาร


คลิปนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สามารถอธิบายเหตุผลว่า ทำไมประชาชน
ชาวตุรกีต่างพากันโกรธแค้นทหารกลุ่มรัฐประหารจนถึงขั้นขนาดที่
ต้องมีการลงไม้ลงมือต่อทหารกบฎเหล่านี้


นายกรัฐมนตรีบินาลี ยิลดิริม ได้กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม 
2016 ถึงจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อรัฐประหาร โดยมีผู้เสียชีวิต
ทั้งหมด 265 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเสียชีวิต 161 ส่วน
ทางด้านรักษาการเสนาธิการทหารบก Umit Dundar กล่าวในงาน
แถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคมว่า มีทหารที่ก่อรัฐประหารเสีย
ชีวิต 104 ราย และมีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 47 คน


รัฐบาลตุรกีได้มีการประกาศกฏหมายสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 3 
เดือน ซึ่งมีการประกาศบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคมเป็นต้นมา 
และเจ้าหน้าที่มีอำนาจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้นานถึง 30 วันภายใต้
กฏหมายนี้


ตอนนี้มีการถูกควบคุมตัวมากกว่า 13,000 คน และในจำนวนนี้รัฐบาล
ได้จับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อรัฐประหารไว้แล้ว 6,000 คน 
ข้าราชการจำนวน 37,500 คนและเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายถูกสั่ง
พักงาน รวมทั้งข้าราชการจำนวนมากจากกระทรวงศีกษาธิการ


ประธานาธิบดีรอยั๊บ ฏอยยิบ อัรดูฆอน ได้มีคำสั่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่าน
มา (23 กรกฎาคม) ให้มีการปิดสถาบันต่างๆ จำนวน 2,341 แห่ง ซึ่ง
เป็นสถาบันการศึกษา องค์กรการกุศล สหภาพแรงงานและศูนย์การ
แพทย์


นายกรัฐมนตรีบินาลี ยิลดิริม ได้กล่าวในวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคมว่า
ทางการได้สั่งยุบหน่วยอารักขาประธานาธิบดีที่มีเจ้าหน้าที่อยู่ 2,500 
คน หลังจากมีการจับกุมเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานไป 283 นายที่มีส่วน
เกี่ยวข้องกับการก่อรัฐประหาร


“จะไม่มีหน่วยอารักขาประธานาธิบดีอีกต่อไป หน่วยงานนี้ไม่ได้ทำ
หน้าที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์แต่อย่างใด มันไม่จำเป็นอีกต่อไป
แล้ว” นายกรัฐมนตรียิลดิริม ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ 
Haber Channel


ล่าสุด (25/07/16) ทางรัฐบาลได้ออกหมายจับผู้สื่อข่าว 42 คน โดย
หนึ่งในนั้นคือ Nazh Ihcak ผู้สื่อข่าวชื่อดังที่เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญ
ของเครือข่ายที่สนันสนุนเฟตุลเลาะห์ กูเลน ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่
เบื้องหลังการก่อรัฐประหารที่ผ่านมา ตอนนี้ได้มีการควบคุมตัวผู้สื่อ
ข่าว 5 คน และผู้ต้องสงสัยอีก 11 คนเชื่อว่าหนีออกนอกประเทศไป
แล้ว


นายนายเฟตุลเลาะห์ กูเลน เป็นนักการศาสนาอิสลาม ซึ่งได้ลี้ภัยตัว
เองไปอยู่ที่รัฐเพนซิลเวเนีย ในสหรัฐฯ เป็นเวลา 17 ปีแล้ว แต่เขายัง
คงมีอิทธิพลอย่างสูงในหลากหลายวงการในตุรกี ไม่ว่าจะเป็นวงการ
สื่อ ตำรวจ ทหาร ตุลาการ การศึกษา องค์กรการกุศลต่าง ๆ


ที่มาของข้อมูล –
1. Turkey coup: Shocking photos show civilians attacking rebel soldier
http://www.independent.co.uk/…/turkey-coup-shocking-photos-…
2. Sickening moment Turkey coup protesters are INCINERATED in airstrike outside presidential palace
http://www.mirror.co.uk/…/sickening-moment-turkey-coup-prot…
Turkey PM: Attempted coup leaves 265 people dead
http://www.aljazeera.com/…/turkey-prime-minister-coup-attem…
3. Turkey detains top Gulen aide after coup attempt
http://www.aljazeera.com/…/turkey-detains-top-gulen-aide-co…
4. Arrest warrants issued for 42 suspected FETÖ journalists
http://www.dailysabah.com/…/arrest-warrants-issued-for-42-s…

Saturday, July 23, 2016

✈ “ประธานาธิบดี Erdoğan ยอมเสี่ยงชีวิตขณะสั่งนักบินนำเครื่องบินลงจอดในอิสตันบูล”

 “ประธานาธิบดี Erdoğan ยอมเสี่ยงชีวิตขณะสั่งนักบินนำเครื่องบิน
ลงจอดในอิสตันบูล” เจ้าหน้าที่ของตุรกีเปิดเผยรายละเอียดคืนที่มี
ทหารบางส่วนพยายามก่อรัฐประหาร



คืนวันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2016 เกิดเหตุการณ์ที่มีทหารตุรกีบางส่วน
พยายามก่อรัฐประหาร ระหว่างที่ประธานาธิบดีรอยั๊บ ฏอยยิบ อัร
ดูฆอน ไปพักร้อนกับครอบครัวที่เมืองชายทะเลที่มาร์มาริช 
Marmaris


ประธานาธิบดีอัรดูฆอนและครอบครัวต้องรีบออกจากโรงแรมที่พัก 
หลังจากรับทราบเรื่องความพยายามก่อรัฐประหาร โดยสำนักข่าว
อัลญะซีเราะฮฺได้รับสำเนาการสนทนาของกลุ่มก่อรัฐประหารผ่าน
อสท์แอพ ยืนยันว่าทหารที่ก่อรัฐประหารได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ
พร้อมทหาร 40 นายที่เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษมายังโรงแรม เพื่อที่
จะสังหารหรือจับตัวประธานาธิบดีอัรดูฆอน 


ประธานาธิบดีอัรดูฆอนได้ออกจากโรงแรมครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่
เฮลิคอปเตอร์ของกลุ่มก่อรัฐประหารมาถึงที่โรงแรม ได้มีการปะทะ
ระหว่างหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ดูแลอารักขาประธานาธิบดีทหาร
เหล่านั้น โดยจำนวนหนึ่งของทหารได้ทำการหลบหนีไปบนภูเขา 
หลังจากเกิดเหตุหนึ่งในเฮลิคอปเตอร์ถูกยิงตก


อ้างจากรายงานของสำนักข่าว DailySabah ว่าทหารจากกลุ่มก่อ
รัฐประหารประมาณ 25 นายได้ใช้เชือกโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ลงมา
ที่โรงแรมที่ประธานาธิบดีอัรดูฆอนและครอบครัวใช้เป็นที่พักร้อนใน
เมืองมาร์มาริซ เพื่อพยายามที่จะจับตัวท่าน แต่ท่านออกจากโรงแรม
ไปแล้ว DailySabah อ้างจากสำนักข่าว CNN เติร์ก ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง
ของสำนักข่าวที่กลุ่มก่อรัฐประหารบุกเข้ายึดสถานีในคืนที่พยายามก่อ
รัฐประหารตัวของประธานาธิบดีอัรดูฆอนเองยังได้เปิดเผยว่า กลุ่ม
ทหารที่ก่อรัฐประหารได้พยายามสังหารท่าน “หลังจากที่ผมเดิน
ทางออกจากเมืองมาร์มาริซ ผมได้รับรายงานว่าพวกทหารกลุ่มนี้ทิ้ง
ระเบิดถล่มสถานที่ที่ผมไปพักผ่อน ผมคาดว่าพวกเขาคิดว่าผมยังคง
อยู่ที่นั้นในขณะทิ่มีการทิ้งระเบิด”


ทางรัฐบาลได้รีบส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับตัวประธานาธิบดีอัรดูฆอนและ
ครอบครัวที่เมืองมาร์มาริซ และไปลงจอดที่เมืองดารามัน Dalaman 
และจากที่นั้นได้ขึ้นเครื่องบินบิสิเน็ทเจ็ทไปลงที่สนามบินใน
อิสตันบูล ระหว่างนั้น “มีเครื่องบินเอฟ 16 อย่างน้อย 2 ลำ บินก่อกวน
เครื่องบินเจ็ทของประธานาธิบดี เครื่องบินของทหารที่ก่อรัฐประหาร
เหล่านี้ได้ล็อคเรดาห์ไปที่เครื่องบินของประธานาธิบดี และเครื่องบิน
เอ็ฟ 16 อีกสองลำที่ทำหน้าที่คุ้มครองเครื่องบินของประธานาธิบดีอัร
ดูฆอนอยู่” อดีตเจ้าหน้าที่ทหารที่ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีกล่าวกับ
สำนักข่าวรอยเตอร์


เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งได้ยืนยันกับสำนักข่าวรอยเตอร์เช่นเดียวกัน
ว่า เครื่องบินเจ็ทของประธานาธิบดีอัรดูฆอนถูกรบกวนแต่ก็ลงจอดที่
สนามบินอิสตันบูลได้อย่างปลอดภัย


นาย Bekir Bozdağ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ได้เล่ารายละเอียด
ของนาทีวิกฤตที่กลุ่มทหารพยายามโค่นล้มประธานาธิบดีอัรดูฆอน 
โดยกล่าวว่า ตัวของประธานาธิบดีเองยอมเสี่ยงสีชีวิตหลังจากสั่งให้
นักบินนำเครื่องลงจอดที่สนามบินอิสตันบูลอย่างลับๆ


นาย Bozdağ ได้ให้สัมภาษณ์ทางทีวี โดยกล่าวว่า ประธานาธิบดีอัร
ดูฆอนตัดสินใจสั่งเครื่องบินลงจอดที่สนามบินอาร์ตาเตริก์ในอิสตันบูล
เพื่อพบปะกับประชาชนจำนวนนับหมื่นๆ ที่รวมตัวกันอยู่ที่หน้าสนาบิน
อาตาร์เตริก์ หลังจากที่ประชาชนร่วมใจกันเดินออกมาบนถนนต่อต้าน
รัฐประหาร และแม้กระทั่งตอนนั้นทหารกลุ่มกบฏเข้าควบคุมสนามบิน
อาตาเตริก์เอาไว้ประชาชนก็เดินทางกันมาที่สนามบินอย่างหลั่งไหล


“ประธานาธิบดีอัรดูฆอนได้ถามนักบินว่า เครื่องบินจะสามารถลงจอด
โดยแค่เปิดไฟเครื่องบินไว้อย่างเดียวได้หรือไม่ โดยปราศจากการขอ
อนุญาตนำเครื่องลงจอดต่อเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน” นาย 
Bozdağ กล่าว


นาย Bozdağ เล่าต่อไปว่า “นักบินตอบประธานาธิบดีอัรดูฆอนว่า 
การนำเครื่องบินลงจอดนั้นสามารถกระทำได้ แต่ขอเตือนท่านว่า
เป็นการเสี่ยงอันตรายเป็นอย่างมาก แต่แล้วประธานาธิบดียอมเสี่ยง
ชีวิตสั่งให้นักบินนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินอาร์ตาร์เติร์ก ใน
อิสตันบูล ในขณะที่ประชาชนชาวตุรกีล้อมสนามบินเอาไว้ เพื่อต่อ
ต้านทหารที่ก่อรัฐประหารที่สนามบินอยู่”


เว็ปไซต์ Flight tracker ซึ่งเป็นเว็ปไซต์ที่แสดงให้เห็นถึงจราจรทาง
อากาศแบบ real time ได้รายงานว่าเครื่องบินประเภท Gulfstream 
IV aircraft ซึ่งเป็นเครื่องบินบิสิเน็ทเจ็ทที่รัฐบาลตุรกีใช้ ได้บินขึ้นจาก
สนามบินดารามัน Dalaman airport ประมาณเวลา 22.40 GMT ของ
คืนวันศุกร์


จากนั้นเครื่องบินของประธานาธิบดีอันดูฆอนได้บินวนอยู่ทางตอนใต้ของอิสตันบูลอยู่พักหนึ่ง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์ได้เป็นพยานในการได้ยินเสียงปืนที่ยิงออกมาจากบริเวณสนามบินตลอดเวลา ก่อนที่เครื่องบินประธานาธิบดีตัดสินใจลงจอด


กลุ่มทหารที่ก่อรัฐประหารยังได้พยายามปลิดชีวิตนายกรัฐมนตรี นาย
บินาลี ยิลดิริม (Binali Yildirim) ในคืนก่อรัฐประหารด้วยเช่นกัน 
สถานีโทรทัศน์ข่าวของ NTV ของตุรกีได้รายงานข่าวคำแถลงการณ์
ของนาย Efkan Ala รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย


“กลุ่มทหารที่ก่อรัฐประหารพุ่งเป้าโจมตีไปที่รถยนต์ของนายก
รัฐมนตรีบินาลี ยิลดิริม ด้วยเช่นกัน” นาย Ala กล่าว


อ้างจากหลายแหล่งข่าว รถยนต์ของนายยิลดิริมถูกรถของทหารที่ก่อ
รัฐประหารยิงใส่ ขณะที่รถวิ่งผ่านพรมแดนของจังหวัดทางภาคเหนือ
ของ Kastamonu เดินทางมาที่เมืองอังการาด้วยความเร่งด่วน เพื่อ
เข้าควบคุมสถานการณ์ความพยายามก่อรัฐประหารของทหารกลุ่ม
หนึ่ง


นายกรัฐมนตรียิลดิริมเลือกที่จะเดินทางโดยทางบก เนื่องจากมีความ
เสี่ยงสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับการเลือกเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ณ 
ตอนนั้นทหารใช้อาวุธ รถถัง และเครื่องบินรบ ปะทะกับประชาชนตุรกี
ที่ออกมาต่อต้านในกรุงอังการา รถของนายกยิลดิริมต้องเปลี่ยนเส้น
ทางซึ่งเป็นเส้นทางผ่าน Kastamonu รอดชีวิตมาได้จากการถูกลอบ
สังหารจากกลุ่มทหารที่ก่อรัฐประหาร โดยผู้ว่าการของ Kastamonu 
นำตัวนายกรัฐมนตรีไปหลบซ่อนตัวไว้ที่บ้าน และท่านใช้บ้านหลังนั้น
เป็นศูนย์บัญชาการเฝ้าสังเกตุการณ์การณ์เหตุรัฐประหารทั้งคืน นายก
ยิลดิริมได้พักอยู่ที่บ้านผู้ว่าจนกระทั่งสถานการณ์ความปลอดภัยใน
อังการากลับสู่ภาวะปกติในวันต่อมา (16/07/16)


ขอขอบคุณ – AbuShaheed ที่แนะนำข้อมูล
1. President Erdoğan risked death while landing in Istanbul, officials detail the night of failed coup attempt
http://www.dailysabah.com/…/president-erdogan-risked-death-…
2. Turkish PM’s convoy targeted by gendarmerie on coup attempt night, Interior Minister confirms
http://www.hurriyetdailynews.com/turkish-pms-convoy-targete…
ที่มาของข้อมูลอื่นๆ –
3. Al-Jazeera publishes details of Turkish coup plan
https://www.middleeastmonitor.com/20160718-al-jazeera-publ…/
4. Turkey PM: Attempted coup leaves 265 people dead
http://www.aljazeera.com/…/turkey-prime-minister-coup-attem…

Thursday, July 21, 2016

💔 กองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐทิ้งระเบิดถล่มโรงเรียน ที่ถูกใช้เป็นค่ายผู้ลี้ภัยในทางตะวันออกเฉียงเหนือของอเลปโป ซีเรีย



เมื่อวันอังคารที่ 19 กรกฎาคม 2016 ตอนตี 3 กองกำลังพันธมิตรนำ 
โดยสหรัฐฯ ได้ใช้เครื่องบินทิ้งจรวดมิสไซล์ 6 ลูกถล่มทำลาย
โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ใช้เป็นค่ายผู้ลี้ภัยที่ a-Tokhar อเลปโป ที่มี
ประชาชนอาศัยอยู่ในเมือง 3,500 คน โดยเมืองนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออก
เฉียงเหนือของเมืองมานบิจ Manbij ห่างออกไป 15 กม. ซึ่งเมือง
มานบิจเป็นเมืองที่กลุ่มไอสิสปกครองอยู่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจาก 
65 – 160 คน และมีเด็กจำนวนมากกว่า 20 คนในจำนวนผู้เสียชีวิต 
ทางสหรัฐฯออกมาแก้ตัวว่าเป็นการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นกลุ่มไอสิส


“โรงเรียนหลังนี้ใช้เป็นสถานที่ที่ให้ผู้ลี้ภัยจากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง
ได้มาพักอาศัย ตอนนี้เรานับจำนวนผู้เสียชีวิตได้ 124 คนแล้ว และ
เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้” อาบู อุมัร 
อัล-มานบิจี Abu Omar al-Manbiji นักข่าวพลเรือนประจำท้องถิ่น
กล่าว


“กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใน
เมืองมานบิจและบริเวณใกล้เคียงถึง 450 ครั้งแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 24 
นับตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคมของปีนี้เป็นต้นมา” คริส วูดส์ Chris 
Woods ผู้อำนวยการ Airwars กล่าวเมื่อวันที่ 19/07/16 โดยทาง
องค์กรเป็นกลุ่มเอ็นจีโอมีสำนักงานอยู่ในลอนดอน ที่คอยตรวจสอบ
การใช้เครื่องบินโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอเอสและเก็บข้อมูลจำนวน
พลเรือนที่เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศ


สหรัฐฯ และกองกำลังพันธมิตรจากนานับประเทศใช้เครื่องบินโจมตี
ในเมืองมานบิจ เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่ม Syrian Democratic 
Forces ที่เป็นกลุ่มติดอาวุธชาวเคริด์ยึดพื้นที่กลับคืนมาจากกลุ่มไอสิ
สที่เข้ามาปกครองเมืองตั้งแต่ต้นปี 2014


“การปฎิบัติการโจมตีทางอากาศเหล่านี้ทำให้ประชาชนต้องกลายเป็น
ผู้เคราะห์ร้ายสะเป็นส่วนมาก กลุ่มไอสิสไม่ได้มีฐานทัพอยู่ในเมือง 
a-Tokhar” แต่ทางสหรัฐฯ กลับพุ่งเป้าโจมตีประชาชน นายซาอัด 
อัล-มาบิจี Sa’ad al-Manbaji นักข่าวพลเรือนประจำท้องถิ่นกล่าว
ยังมีประชาชนที่ติดอยู่ในเมืองมานบิจอย่างน้อย 70,000 คน ซึ่งทั้งมี
การโจมตีทางอากาศหลายร้อยครั้งของเครื่องบินของสหรัฐฯ และ
กองกำลังชาวเคริด์ที่รุกคืบเข้ามาในเมือง มีการต่อสู้กับมือปืน
สไนเปอร์ของกลุ่มไอสิส ตอนนี้ประชาชนในเมืองต้องประสบกับ
ปัญหาขาดแคลนอาหารและน้ำเป็นอย่างมาก จากการที่สหรัฐฯและ
กลุ่มติดอาวุธชาวเคริด์ปิดล้อมเมืองเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว


“สวนสาธารณะของเมืองมานบิจเองต้องทำเป็นสุสานฝังศพ เพราะ
สุสานไม่สามารถรองรับจำนวนผู้เสียชีวิตได้หมด ซึ่งมีทั้งประชาชน
และบรรดานักรบของกลุ่มไอสิส ศพส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วบริเวณ
ถนนต่างๆ การต่อสู้กันระหว่างกลุ่มไอสิสและกองกำลังชาวเคริด์ที่มี
อย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นอุปสรรคในการนำศพเหล่านั้นมาทำพิธีฝัง
ศพ” ชาวบ้านในพื้นที่ที่ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งกล่าวกับเว็ปไซต์ 
The Syrian Voice ซึ่งเป็นพันธมิตรขององค์กร Syria Direct เมื่อวัน
อาทิตย์ที่ 17/07/16


ส่วนทางกลุ่ม Free Manbij Coordination Committee ได้เล่า
เหตุการณ์ให้กับทางองค์กร Antiwars ในวันอังคาร 19/07/16 ว่า “มี
คนตายนอนเกลื่อนตามท้องถนน และบางคนก็ยังติดอยู่ใต้ซากตึก แต่
ไม่มีใครสามารถนำศพพวกเขาออกมาได้ และจำนวนประชาชนที่เสีย
ชีวิต มีจำนวน 500 ถึง 700 คน และส่วนมากของจำนวนผู้เสียชีวิต
เกิดจากการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองกำลังพันธมิตรนำ
โดยสหรัฐฯ” “ แต่ทางกลุ่ม Manbij Coordination Committee กลับ
ประมาณจำนวนผู้เสียชีวิตไว้ที่ 368 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าความ
เป็นจริงมาก


กองทัพอิสราเอลสังหารเด็กกาซ่า 50 คน ภายใน 2 วัน

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรยูนิเซฟ UNICEF ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีที่นองเลือดในฉนวนกาซาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย...