Saturday, February 27, 2021

ชุมชนของเมือง San Javier ประณามเหตุโจมตีมัสยิดในสเปน

 





ผู้อยู่อาศัยและเจ้าหน้าที่ในเมือง San Javier เมืองเล็ก  ของสเปน ประณามการโจมตีอย่างรุนแรงต่อมัสยิดที่เกิดขึ้นในเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 


อ้างจากสื่อท้องถิ่น เวลาประมาณตี 4 ของวันอาทิตย์ 21 กุมภาพันธ์ 2021 ชาวบ้านคนหนึ่งได้ยินเสียงระเบิดใกล้มัสยิด


"ฉันเป็นโรคนอนไม่หลับ ฉันจึงนั่งสูบบุหรี่อยู่ในอพาร์ตเมนต์ของฉัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เกิดเหตุระเบิดขึ้น ฉันได้ยินเสียงดังและรับรู้ได้ถึงพื้นที่สั่นสะเทือน" Francisca Chuecos เล่าให้ La Verdad ซึ่งเป็นสำนักข่าวท้องถิ่นฟัง


หลังจากฉันเห็นเปลวไฟและควันดำ รีบวิ่งไปเตือนเพื่อนบ้าน และโทรแจ้งตำรวจ ซึ่งหน่วยดับเพลิงมาถึงเร็วพอที่จะดับเปลวไฟได้ก่อนที่จะมีการลุกลามเข้าไปในตัวอาคารมัสยิด  ทั้งไฟไหม้และแรงระเบิดทำให้หน้าต่างและส่วนหน้าของอาคารได้รับความเสียหาย


ตำรวจคาดว่า มีผู้กระทำความผิดอย่างน้อยหนึ่งคน แต่ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ และมีการพ่นสีสเปรย์ "ความตายจงมีต่อศาสนาอิสลามไว้ที่หน้าต่างของมัสยิดจากนั้นคนร้ายจุดไฟเผากระป๋องสีสเปรย์ จนทำให้เกิดการระเบิดขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ว่า คนร้ายมีเจตนาที่จะให้ไฟไหม้มัสยิดวอดทั้งหลัง 


การโจมตีมัสยิดในครั้งนี้ ทำให้สมาชิกหลายคนในชุมชนที่เป็นพหุวัฒนธรรม รู้สึกงงงวยและเกิดความคับแค้นใจ 


ทั้งชาวสเปนและชาวมุสลิมไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อน เราทุกคนล้วนเคารพซึ่งกันและกัน” นายมูฮัมหมัด มะฮ์ดีย์ ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนนี้มานานมานับสิบปี กล่าวกับสำนักข่าว La Verdad


บราฮิม รูบีย์ อิหม่ามประจำมัสยิด เห็นด้วยกับคำพูดของนายมูฮัมหมัด พร้อมเสริมว่าชุมชนเราต่างมีความโอบอ้อมอารีและช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรและชาวมุสลิมก็เป็นที่ยอมรับในชุมชนมาโดยตลอด


"ผมค่อนข้างกังวล เพราะเราไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่า จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ผมมั่นใจว่ามันจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบครั้งเดี่ยวๆ” อ้างจากสำนักข่าว La Verdad


ใครก็ตามที่ต้องการโจมตีชุมชนที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติของเราจะไม่มีวันบรรลุเป้าหมายไปได้


เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมือง San Javier ซิตี้ ฮอล์ ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีมัสยิดที่รุนแรง และยืนยันว่าชุมชนมีความภาคภูมิใจใน "วิถีชีวิตของ San Javier ที่มีความกลมเกลียวกัน และมันได้กลายเป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่าง 2 วัฒนธรรมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา"


เมื่อเร็ว  นี้สเปนได้เปิดการสอบสวนกรณีพรรคขวาจัด ที่มีการแสดงความคิดเห็นสร้างความเกลียดชังต่อชาวมุสลิม


ชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในสเปนมีประมาณ 2.1 ล้านคน โดยประมาณ 100,000 คนอาศัยอยู่ในทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของมูร์เซีย (Murcia)



ที่มา:


https://www.dailysabah.com/world/europe/community-condemns-attack-on-mosque-in-spain



Thursday, February 25, 2021

อิสราเอลรื้อถอนทำลายบ้านของหัวหน้าการ์ดประจำมัสยิดอัลอักซอ

 








กองกำลังอิสราเอลบุกรื้อถอนทำลายบ้านของครอบครัวนาย ฟาดีย์ แอลยาน ในเช้าวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2021 โดยทำให้ครอบครัวซึ่งเป็นชาวเยรูซาเล็มจำนวนถึง 17 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน หลังจากรื้อถอนบ้านหลังใหญ่ในเขตอิสซาวิยะฮ์ ด้วยข้ออ้างเดิมๆ ว่าชาวปาเลสไตน์สร้างบ้านโดยไม่มีใบอนุญาต


นายฟาดีย์ แอลยาน ทำงานเป็นหัวหน้าการ์ดของมัสยิดอัลอักซอ


อ้างจากสื่อท้องถิ่น ตำรวจหลายสิบคนบุกเข้าไปยังชุมชนที่บ้านของฟาดีย์ตั้งอยู่ โดยที่ตำรวจรุมทำร้ายผู้ประท้วงที่พยายามยุติการรื้อถอนบ้าน และถูกจับกุมตัวไป จากนั้นบ้านหลังใหญ่ก็ถูกรื้อถอนทำลายจนไม่เหลือซาก 



นายฟาดีย์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ของ “ชิน เบท” หน่วยงานด้านความมั่นคงของอิสราเอล ได้เคยโทรมาหาเขา 6 เดือนที่แล้ว ด้วยการบอกว่า เป็นไปได้ 90% ที่บ้านฟาดีย์จะถูกรื้อถอน เพราะเขาทำงานเป็นหัวหน้าการ์ดของมัสยิดอัลอักซอ 



แต่ล่าสุดทางชินเบทออกมาปฏิเสธ โดยบอกว่าบ้านของฟาดีย์ที่ถูกถอนทำลาย เพราะสร้างบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการของอิสราเอล ไม่ใช่เพราะเขาทำงานเป็นหัวหน้าการ์ดที่มัสยิดอัลอักซอ



การที่อิสราเอลจ้องที่จะรื้อถอนบ้านของชาวปาเลสไตน์ในเยรูซาเล็มตะวันออก เพื่อเป็นการเปิดทางให้ชาวอิสราเอลเข้ามาอยู่แทนที่ชาวปาเลสไตน์ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ที่อิสราเอลไม่สนใจ เพราะประชาคมโลกที่นิ่งเฉยกับการกระทำของอิสราเอลที่เป็น “รัฐเหยียดเชื้อชาติ”



ที่มา:


https://english.palinfo.com/news/2021/2/22/Jerusalemite-family-displaced-after-IOA-razes-its-house-in-Issawiya


https://www.haaretz.com/israel-news/.premium-east-jerusalem-home-demolished-after-shin-bet-agent-threatens-resident-1.9568669

Saturday, February 20, 2021

คลิปจีนชาวฮั่นหัวรุนแรงบุกทุบทำลายมัสยิดของชาวหุย

 



ไม่มีการระบุชื่อมัสยิด แต่ในคลิปที่แชร์กันในทวิตเตอร์ของนักสิทธิฯ ชาวอุยกูร์ที่ระบุว่า กลุ่มชาวฮั่นที่ไม่มีศาสนาสาวกสี จิ้นพิง บุกทำลายมัสยิดแห่งหนึ่งของชาวหุย 


ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์สั่งรื้อโดมทุกมัสยิดออกทั้งหมด เพราะจีนมองว่า โดมของมัสยิดเป็นสัญลักษณ์ของชาวอาหรับ 


ชาวหุยมีอยู่ประมาณ 10.5 ล้านคน และพวกเขาอาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย


ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ได้ประกาศแผนเป็นทางการว่าจะทำให้ศาสนาอิสลามเป็นแบบจีน (Sinicize)  โดยต้องการให้มุสลิมทุกพื้นที่ในจีนอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคคอมมิวนิสต์มากยิ่งขึ้น  ซึ่งพวกเขาเป็นอเทวนิยมไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า 


ทางการจีนมีการสั่งห้ามการเรียนการสอนกุรอาน และพยายามจะห้ามไม่ให้เด็กนักเรียนหญิงสวมฮิญาบไปโรงเรียน ซึ่งทำให้เด็กชาวหุยออกมาต่อต้าน 


เจ้าหน้าที่จีนยังมีการสั่งให้ร้านอาหารฮาลาลและแผงขายอาหารปลดตัวหนังสือภาษาอาหรับและสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามออกให้หมดอีกด้วย


เครดิตคลิป - Twitter: @AbdugheniSabit

RFA


Friday, February 12, 2021

ผู้ตั้งถิ่นฐานยิวจงใจขับรถพุ่งชนชาวปาเลสไตน์ เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บอีก 2 คนภายในอาทิตย์เดียว

 




12 กุมภาพันธ์ 2021



ผู้ตั้งถิ่นฐานยิวที่อาศัยอยู่อย่างผิดกฎหมายบนแผ่นดินชาวปาเลสไตน์ จงใจขับรถพุ่งชนชาวปาเสลไตน์ ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 2 คนในตอนเช้าของเมื่อวานนี้ (ศุกร์ที่ 12 ..) ในทางตอนเหนือของจอร์แดนแวลลีย์ 


โมตาส บาชารัท (Moataz Basharat) เจ้าหน้าที่ประจำการที่จอร์แดนแวลลีย์ในตูบัส(Tubasระบุว่า ผู้ตั้งถิ่นฐานยิวคนหนึ่งได้ขับรถพุ่งชนกลุ่มประชาชนชาวปาเลสไตน์ในรอมัลละฮ์ บริเวณอัยน์อัล-ไบดะฮ์ (Ain al-Bayda) และบัรดาละฮ์ จังก์ชั่น ทางตอนเหนือของจอร์แดนแวลลีย์ 


แหล่งข่าวท้องถิ่นยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตคือนายบิล้าล ชีฮาแดะฮ์ (Bilal Shehadeh) อายุ 50 ปี จากอัล-บีแระฮ์ (Al-Bireh)ในรอมัลละฮ์ ส่วนนายฟาฮัท อะแบ็ท จากอัล-บีแระฮ์ และนายแชดีย์ อบู ก็อช จากพื้นที่ยึดครองเยรูซาเล็ม ได้รับบาดเจ็บ




ในช่วงค่ำของวันพุธ (10/02/2021) ที่ผ่านมา นายฮัสซาม ญะมิ้ล อัมเมอร์ (Azzam Jamil Amer) ชาวปาเลสไตน์จากเมืองคัฟร์ ฆอลีย์ (Kafr Qali town) ทางตะวันออกของนับบรุส ถูกผู้ตั้งถิ่นฐานยิวขับรถพุ่งชนเสียชีวิตใกล้ฮาริสจังก์ชั่น ทางตะวันตกของซอลฟิต (salfit) พื้นที่ยึดครองเวสแบงก์ ขณะที่เขาข้ามถนนขณะที่ไฟแดงอยู่เพื่อกลับบ้านหลังจากเลิกงาน



จู่ๆ รถของผู้ตั้งถิ่นฐานยิวที่จอดติดไฟแดงก็เหยียบคันเร่ง จงใจพุ่งชนเขา แล้วรีบขับรถหนีไป เหตุเกิดขึ้นใกล้ชุมชนนิคมยิวแอเรียล ที่สร้างขึ้นมาอย่างผิดกม.ระหว่างปทศพของเขาได้ถูกกองกำลังอิสราเอลขโมยไป และยังไม่มีรายงานการคืนศพให้กับทางครอบครัว เพื่อนำมาประกอบพิธีทางศาสนา 




ที่มา

https://english.palinfo.com/46228


https://www.palestine-news.com/2021/02/the-death-of-palestinian-worker-who-was.html

Wednesday, February 10, 2021

ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลฆ่าชาวปาเลสไตน์หลังจากยึดที่ดินของเขา







ผู้ตั้งถิ่นฐานที่ผิดกฏหมายชาวอิสราเอลฆ่าพ่อลูกหนึ่งชาวปาเลสไตน์ชื่อ นายคอลิด มาฮาร์ นาเฟล (Khaled Maher Nofal) วัย 34 ปี ที่ปราศจากอาวุธ หลังจากบุกเข้ายึดที่ดินของเขาที่อยู่ในหมู่บ้านราซ-กากะฮ์ Ras Karkar ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรอมัลละฮ์ พื้นที่ยึดครองเวสแบงก์ เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ก.พ. 2021 อ้างจากนายฮุนเซน อัล-ชัยค์ (Hussein al Sheikh) รัฐมนตรีกิจการพลเรือนของปาเลสไตน์ 


นายคอลิด เป็นข้าราชการทำงานอยู่ในกระทรวงการคลังของปาเลสไตน์


นายฮุนเซน อัล-ชัยค์ รัฐมนตรีกิจการพลเรือนของปาเลสไตน์ โพสต์ในทวิตเตอร์ประณามการฆ่านายคอลิดอย่างเหี้ยมโหด หลังจากผู้ตั้งถิ่นฐานที่มาอาศัยอยู่อย่างผิดกฎหมายจำนวนหลายคนยึดที่ดินเขาไป และพากันย้ายรถคาราวานหลายคันเข้ามาจอดในที่ดินของนายคอลิด


นายนาบิล อบู รูเดย์แนะฮ์ Nabil Abu Rudeineh โฆษกของประธานาธิบดีของปาเลสไตน์ นายมะฮ์มูด อับบาส ประณามการฆาตกรรมครั้งล่าสุดนี้


ในการแถลงข่าวของนายนาบิล อบู รูเดย์แนะฮ์ Nabil Abu Rudeineh โฆษกของประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกเข้าแทรกแซง เพื่อยุติการรุกรานของอิสราเอลโดยทันที ซึ่งนอกเหนือจากการก่ออาชญากรรมฆ่าชาวปาเลสไตน์รายวันแล้ว กองกำลังอิสราเอลยังมีการรื้อถอนบ้าน และข้าวของของชาวปาเสลไตน์ในทุกๆวัน เฉกเช่นเดียวกับกรณีของหมู่บ้านฮัมซะฮ์ ในหุบเขาจอร์แดน ที่ถูกกองกำลังอิสราเอลรื้อถอนบ้านเรือนชาวปาเลสไตน์จนไม่เหลือซากเมื่อต้นสัปดาห์ของอาทิตย์ที่แล้ว 


ทางด้านกองทัพของอิสราเอลโพสต์ในทวิตเตอร์ โดยกล่าวหานายคอลิดว่า เป็นผู้ก่อการร้าย พยายามบุกรุกเข้าไปในบ้านของ Sde Efraim ฟาร์ม ตอนใต้ของ Qalqilya ทั้งยังอ้างว่านายคอลิดทำร้ายการ์ดของฟาร์มที่ปราศจากอาวุธก่อน จึงถูกผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลหลายคนระดมยิงเขาเสียชีวิต และสุดท้ายกองทัพอิสราเอลก็ไม่พบว่านายคอลิดพกอาวุธแต่อย่างใด 


ฟาร์มแห่งนี้เรียกว่า ชุมชนแมวป่า (wildcat settlement) เป็นการสร้างขึ้นมาโดยแม้กระทั่งไม่มีการยอมรับจากรัฐอิสราเอลเองด้วยซ้ำไป อ้างจากกลุ่ม Peace Now ซึ่งเป็นกลุ่มนักสิทธิฯ ชาวอิสราเอล ที่เคลื่อนไหวต่อต้านการตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอลด้วยกันเอง


เมื่ออ้างจากกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว การตั้งถิ่นฐานทั้งหมดที่สร้างขึ้นบนที่ดินของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองอยู่นั้น ไม่ว่าจะเป็นของสาธารณะหรือของเอกชน ล้วนเป็นสิ่งผิดกฎหมายทั้งสิ้น


ที่มา: 

https://www.trtworld.com/middle-east/israeli-settlers-kill-unarmed-palestinian-man-in-occupied-west-bank-43924

Sunday, February 7, 2021

ออสเตรเลียขอให้ยูเอ็นตรวจสอบกรณีการล่วงละเมิดทางเพศต่อสตรีอุยกูร์ของจีนครั้งใหม่


ออสเตรเลียได้เรียกร้องให้สหประชาชาติสอบสวนข้อกล่าวหาในครั้งใหม่เรื่องการข่มขืนกระทำชำเรา การล่วงละเมิดทางเพศและการทรมานอย่างเป็นระบบกับผู้หญิงภายในแคมป์ของชนกลุ่มอุยกูร์และชนเผ่ามุสลิมอื่นๆ ในเตริก์กิสถานตะวันออก(จีนเรียกซินเจียงซึ่งการปฏิบัติอย่างเลวร้ายต่อชาวอุยกูร์มุสลิมชนกลุ่มน้อยของปักกิ่ง ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติอย่างต่อเนื่อง 



อดีตผู้ถูกคุมขังและผู้คุมได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีที่นำออกมาเผยแผ่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยหนึ่งในผู้ให้สัมภาษณ์คือ นาง Gulzira Auelkhan  หญิงชาวคาซัคฯ วัย 41 ปีที่ถูกรัฐบาลจีนจับเข้าค่ายกักขัง 18 เดือน เล่าว่า นางถูกเจ้าหน้าที่บังคับให้ช่วยถอดเสื้อผ้าบรรดาผู้หญิงชาวอุยกูร์ ก่อนสวมกุญแจมือ และปล่อยให้อยู่ในห้องตามลำพังกับผู้ชายชาวจีนหลายคน ซึ่งชายเหล่านั้นปกปิดใบหน้า โดยพวกเขามีการจ่ายเงินเพื่อเลือกผู้ต้องขังหญิงที่สวยที่สุด แล้วเอาเข้าห้องมืดไปข่มขื่น ผู้หญิงเหล่านั้นออกมาในสภาพหลอน ไม่พูดอะไรอีกเลย และวันๆเอาแต่นอนมองฝาพนังเพียงอย่างเดียว



จากกรณีข่าวรายงานล่าสุดของการล่วงละเมิดทางเพศและทรมานอย่างเป็นระบบนางมาริสา เพย์น รมต.ตปท.ของออสเตรเลียกล่าวว่า ออสเตรเลียให้ความสำคัญกับความโปร่งใส และยังคงเรียกร้องจีนอนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติเข้าไปในค่ายกักกัน



รายงานล่าสุดเกี่ยวกับการทรมานและการทารุณกรรมผู้หญิงอย่างเป็นระบบสร้างความห่วงใยและกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง และก่อให้เกิดคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ และผู้นับถือศาสนาอื่นๆ และชนกลุ่มน้อยทางศาสนาและชาติพันธุ์อื่น  ในซินเจียง” นางมาริส เพย์น รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา 



ออสเตรเลียเรียกร้องจีนอนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติ รวมทั้งนางมิเชลบาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยเร็วที่สุด



ทางสหรัฐฯ เองยังกล่าวเช่นกันว่า มีความกังวลอย่างยิ่งกับรายงานของบีบีซีความโหดร้ายที่คนที่เขามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไม่กระทำกัน และแน่นอนจีนต้องพบกับผลที่ตามมาอย่างร้ายแรง” โฆษกของรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน สหรัฐฯได้กล่าวหาว่าจีนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อุยกูร์



หวัง เหวินปินโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ถูกรับเชิญให้ไปเยือนซินเจียงแล้ว"และทั้งสองฝ่ายได้มีการติดต่อกันแล้วจีนกล่าวว่ากำลังต่อสู้กับการแบ่งแยกดินแดนและความสุดโต่งทางศาสนาในหมู่ชาวอุยกูร์ และได้ปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่มีการข่มขื่นและทรมานสตรีชาวอุยกูร์แต่อย่างใด



“ เรายินดีต้อนรับชาวต่างชาติที่มีมุมมองที่เป็นกลาง เพื่อเยี่ยมชมซินเจียงด้วยตาตนเอง” เขากล่าวเสริม ในขณะเดียวกัน เราขอคัดค้านการแทรกแซงกิจการภายในของจีน ภายใต้ข้ออ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน และต่อต้านการสันนิษฐานไปก่อน โดยไม่มีการตรวจสอบ” หวัง เหวินปิน กล่าว 


ที่มา:


https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-02-04/australia-asks-for-un-probe-into-new-china-uighur-abuse-claims

Wednesday, February 3, 2021

ซาอุฯ สั่งแบน 20 ชาติเดินทางเข้าประเทศเป็นการชั่วคราว



ซาอุดิอาระเบียประกาศระงับการเดินทางเข้าประเทศของพลเรือนที่ไม่ใช่ชาวซาอุฯ  ที่เดินทางมาจาก 20 ประเทศ เนื่องจากซาอุฯ เอง กำลังพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส19 สำนักข่าวซาอุดีอาระเบียรายงานข่าวเมื่อวันอังคาร (2ก.พ.) โดยอ้างแหล่งข่าวอย่างเป็นทางการจากกระทรวงมหาดไทย 


รายชื่อ 20 ประเทศที่ห้ามเข้าซาอุฯ ชั่วคราวได้แก่ อาร์เจนตินา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เยอรมนี, สหรัฐอเมริกา, อินโดนีเซีย, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ปากีสถาน, บราซิล, โปรตุเกส, สหราชอาณาจักร, ตุรกี, แอฟริกาใต้, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส, เลบานอน, อียิปต์, อินเดีย และญี่ปุ่น 


โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่  3 กุมภาพันธ์ เวลา 3 ทุ่มของเวลาซาอุฯ 


อย่างไรก็ดี นักการทูต บุคลากรทางการแพทย์และครอบครัว รวมทั้งชาวซาอุดีอาระเบียที่เดินทางมา หรือมีการพักเครื่อง จากประเทศที่มีคำสั่งแบนทั้ง 20 ประเทศ ยังคงสามารถเดินทางเข้าประเทศซาอุดีอาระเบียได้ แต่ต้องมีการกักตัว และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันที่กำหนดไว้โดยกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด


ที่มา:

https://saudigazette.com.sa/article/603165

Monday, February 1, 2021

คาร์บอมบ์ 3 จุดในอเลปโป เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน










เกิดเหตุคาร์บอมบ์ 2 จุดที่เมืองอาซัส และบัสซาร์ ตอนเหนือของอเลปโป ซีเรีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31/01/2021 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน รวมทั้งเด็ก และบาดเจ็บมากกว่า 25 คน รวมทั้งเด็ก 4 คน


คาร์บอมบ์ครั้งแรกมุ่งเป้าไปที่พลเรือนของเมืองอาซาส และระเบิดจุดที่ 2 มีเป้าหมายที่หมู่บ้านอุมชาคิฟ ใกล้เมืองบัสซาร์ ทางตอนเหนือชานเมืองของอเลปโปเหตุโศกนาฏกรรม 2 ครั้งนี้เกิดขึ้นน้อยกว่า 24 .ซึ่งก่อนหน้านี้เกิดเหตุคาร์บอมบ์ขึ้นที่เมืองอัฟริน สังหารพลเรือนไป 8 คนและบาดเจ็บ 27 คน 


การโจมตีอย่างเหี้ยมโหดถึง 3 ครั้งภายใน 24 .นี้ คาดว่ากองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย  (SDF) "กองกำลังชาวเคิร์ดหรือกองกำลังที่ภักดีต่ออัล-อัสซาด ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโศกนาฏกรรมทั้ง 3 ครั้งนี้


ภาคเหนือของอเลปโป อยู่ภายใต้การปกครองของตุรกีและกองทัพแห่งชาติซีเรียSNA


ที่มา:


https://www.reuters.com/article/syria-security-blast-int-idUSKBN2A00HA

Syria Civil Defence - The White Helmets 

กองทัพอิสราเอลสังหารเด็กกาซ่า 50 คน ภายใน 2 วัน

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรยูนิเซฟ UNICEF ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีที่นองเลือดในฉนวนกาซาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย...