Saturday, October 24, 2020

กลุ่มผู้ประกอบการค้าชาวอาหรับหลายกลุ่มรวมตัวกันบอยคอตสินค้าฝรั่งเศส

กลุ่มผู้ประกอบการค้าชาวอาหรับหลายกลุ่มรวมตัวกันบอยคอตสินค้าฝรั่งเศสหลังจากการดูหมิ่นศาสนาอิสลาม










กลุ่มผู้ประกอบการค้าอาหรับหลายกลุ่มประกาศคว่ำบาตรสินค้าของฝรั่งเศส เพื่อตอบโต้ต่อรัฐบาลฝรั่งเศสที่คอยยุยงให้ต่อต้านศาสนาอิสลาม และมีการกระทำที่ดูหมิ่นศาสดามูฮัมหมัด 


ส่วนทางด้านนักเคลื่อนไหวชาวอาหรับยังต่างพากันใช้โซเชียลมีเดียในการเรียกร้องให้คว่ำบาตรสินค้าทั้งหมดของฝรั่งเศสโดยใช้แฮชแท็ก #boycottfrance #boycott_French_products #ProphetMuhammad


ในคูเวตเอง กลุ่ม Alnaeem Cooperative Society ซึ่งเป็นกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ที่มีหลายสาขาทั่วกลุ่มรัฐอ่าว ประกาศว่าพวกเขาจะนำสินค้าฝรั่งเศสทั้งหมดออกจากชั้นวางสินค้า เพื่อประท้วงคำพูดของรัฐบาลฝรั่งเศสที่ดูหมิ่นศาสนาอิสลามและท่านศาสดามูฮัมหมัด 


กลุ่มผู้ค้าอีกหลายกลุ่ม เช่น Suburb Afternoon Association, Eqaila Cooperative Society และ Saad Al Abdallah City Cooperative Society ได้โพสต์รูปของซุปเปอร์มาร์เก็ตที่นำสินค้าของฝรั่งเศสออกจากชั้นวางสินค้า 


ส่วนที่การ์ต้า บริษัท Alwajba Dairy Company และบริษัท Almeera Consumer Goods Company มีการคว่ำบาตรสินค้าของฝรั่งเศส และจะนำสินค้าทางเลือกออกมาจำหน่ายแทน


ทางด้านมหาวิทยาลัยการ์ต้าก็ร่วมแคมเปญคว่ำบาตรฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน ประกาศเลื่อนการจัดงานสัปดาห์วัฒนธรรมฝรั่งเศสออกไป เพื่อตอบโต้ต่อการดูหมิ่นศาสนาอิสลาม 


"การหมิ่นประมาทหรือการละเมิดความเชื่อทางด้านศาสนาอิสลาม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสัญลักษณ์ต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง การดูหมิ่นต่างๆ นานา นับเป็นอันตรายต่อปฏิญญาณสากลว่าด้วยคุณค่าของความเป็นมนุษย์ และหลักจริยธรรมระดับสูงของสังคมทั้งหมด”   ทางมหาวิทยาลัยได้โพสต์แถลงการณ์ลงในทวิตเตอร์  


ก่อนหน้าที่จะมีข่าวเด็กวัยรุ่นชาวเชชเนียวัย 18 ปี สังหารโหดครูวิชาประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศส  ที่บอกให้นักเรียนมุสลิมในห้องออกจากห้องเรียนไป ก่อนที่จะโชว์รูปการ์ตูนล้อเลียนท่านศาสดามูฮัมหมัด   ในห้องเรียน ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เองได้ออกมาโจมตีศาสนาอิสลามและชุมชนมุสลิมในฝรั่งเศส โดยกล่าวหาว่าชาวมุสลิมต้องการ "แบ่งแยกดินแดนเขาอธิบายว่าศาสนาอิสลามเป็น“ ศาสนาที่ตกอยู่ในขั้นวิกฤตทั่วโลก” 


หลังที่มาครงแถลงการณ์ตำหนิศาสนาอิสลาม มาครงได้เอาตำรวจหลายสิบนายบุกเข้าไปยังโรงเรียนสอนภาษาอะราบิกในช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้เด็กเล็กและครูตกใจเป็นอย่างมาก ตำรวจค้นข้าวของ โยนกุรอานลงพื้น และไม่เจอหลักฐานใดๆ ที่ผิดกฏหมาย  ทำให้คนต่างศาสนิกเองต่างโพสต์ข้อความตำหนิการกระทำของตำรวจในทวิตเตอร์ของสถานีตำรวจปารีส 


นิตยสาร "Charlie Hebdo" ของฝรั่งเศสได้ตีพิมพ์การ์ตูนดูหมิ่นศาสดามูฮัมหมัด   เป็นครั้งแรกตอนปี 2006 โดยหนังสือพิมพ์ Jylllands Posten ซึ่งทำให้เกิดการประท้วงไปทั่วโลกมุสลิม


รัฐบาลฝรั่งเศสใช้ข้ออ้าง “เสรีภาพการแสดงออก” ในการดูหมิ่นด่าทอเฉพาะศาสนาอิสลาม แต่ผู้คนกลับวิจารณ์ชาวยิวหรืออโลคอสต์ไม่ได้แต่อย่างใด  ล่าสุดศาลทางตอนใต้ของฝรั่งเศสได้ปรับชายชาวแอลจีเรียเป็นเงิน 750 ยูโร จากการที่อ้างว่าเขาดูหมิ่นธงชาติฝรั่งเศสซึ่งเป็นบทลงโทษครั้งแรกภายใต้กฏหมายใหม่


ที่มา


https://www.aa.com.tr/en/europe/arab-trade-groups-boycott-french-products-over-insults/2017685


https://www.bbc.com/news/world-europe-12069307





.

Thursday, October 15, 2020

นักข่าวรอยเตอร์ทวิตข้อความชุมนุมที่ราชประสงค์

 







Matthew Tostevin นักข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่เข้ามาทำข่าวการชุมนุมในไทย ได้ทวิตข้อความเหตุการณ์ประท้วงที่ราชดำเนินเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2020 ว่า “การต่อต้านของมวลชนจำนวนมหาศาล ความโกรธแค้นของมวลชน: มีมวลชนมากขึ้นกว่าเดิมไม่ว่าจะป็นพนักงานทำงานออฟฟิศในกทม. พนักงานทำงานในร้านค้า และเด็กนร. นับแสนคน ร่วมกันประท้วง แม้ว่ารัฐบาลจะมีการประกาศห้ามมีการชุมนุมทางการเมืองมากกว่า 5 คนก็ตาม” 


#15ตุลาไปราชประสงค์

Sunday, October 11, 2020

ตัวประกันชาวฝรั่งเศสถูกปล่อยตัวโดยกลุ่มอัลกออิดะฮ์ ประกาศเข้ารับอิสลาม

 




นางโซฟี เปโตรแน็ง อายุ 75 ปี ชาวฝรั่งเศสซึ่งได้รับการปล่อยตัวโดยกลุ่มติดอาวุธอัลกออิดะฮ์ในสัปดาห์นี้ในมาลี หลังจากถูกกักขังเป็นเวลา 4 ปี เปิดเผยว่าเธอได้เข้ารับอิสลาม สื่อฝรั่งเศสรายงานเมื่อวันศุกร์ (09/10/20) ที่ผ่านมา 


ฉันจะขอพร วิงวอนต่อความเมตตาจากพระองค์อัลลอฮ์ เพราะฉันเป็นมุสลิมคนหนึ่ง คุณเรียกฉันว่าโซเฟีย แต่คนที่อยู่ต่อหน้าคุณตรงนี้คือมาเรียมเปโตรแน็งให้สัมภาษณ์กับนักข่าว (🎬ดูคลิป:https://twitter.com/muslimahau/status/1315281779822010370?s=21 )


เปโตแน็ง กล่าวว่าเขาได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีในระหว่างการถูกจองจำ “ฉันเฝ้ารอฉันละหมาดอย่างมากเพราะฉันมีเวลามาก ฉันเปลี่ยนสถานกักกัน ให้เป็นสถานที่พักผ่อนทางจิตวิญญาณ” 


ในระหว่างที่ถูกกักขัง เปโตแน็งกล่าวว่าเธอได้รับอนุญาตให้ฟังวิทยุ และหน่วยรักษาความปลอดภัยของกลุ่มอัลกออิดะฮ์ ได้แชร์ข้อความและวิดีโอกับเธอ รวมถึงข้อความจากลูกชายของเธอ...  เปโตแน็งกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่สถานทูตฝรั่งเศสในบามาโก


เปโตรแน็งถูกลักพาตัวไประหว่างปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรมที่เมืองเกาทางตอนเหนือของมาลี ในปี 2016  เดือนต่อมาเขาได้ปรากฏตัวในคลิปวีดีโอของกลุ่มอัลกออิดะฮ์แห่งอิสลามิกมักริบ ที่ปล่อยออกมาในสื่อโซเชียลมีเดีย


เปโตรแน็งเป็นหนึ่งใน 4 พลเรือนที่ได้รับอิสรภาพ นายซูไมลา ซิสเซ วัย 70 ปี หนึ่งในนักการเมืองฝ่ายค้านชื่อดังของมาลี หายตัวไประหว่างการลงพื้นที่หาเสียงในภูมิภาคทางเหนือ เมื่อเดือนมี..ปีนี้ และมีชาวอิตาเลียนอีก 2 คน คือ นายปิแอร์ลุยจิมักกัลลี ครูสอนศาสนาซึ่งหายตัวที่ไนเจอร์ เมื่อปี 2561 และนายนิโคลา ชิอักชิโอถูกลักพาตัวระหว่างท่องเที่ยวเพียงลำพังในมาลี เมื่อปีที่แล้ว  ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษของกลุ่มอัลกออิดะฮ์เกือบ 200 คน


การที่เปโตรแน็งประกาศเข้ารับอิสลาม ศาสนาที่ฝ่ายขวาเกลียดจับใจอยู่แล้วทำให้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงในโลกออนไลน์  Marine Le Pen ผู้นำการเมืองขวาจัดของฝรั่งเศส และเคยลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแข่งกับมาครง ได้โพสในทวิตข้อความว่า ทหารของเรากำลังสู้รบในมาลีมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว  และบางนายได้เสียชีวิตลง เราไม่ควรที่จะต่อรองกับพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงและปล่อยตัวพวกนักรบญีฮาดิสที่เป็นภัยต่อทหารของเราที่ถูกโจมตีอย่างหนักอยู่แล้ว


เมื่อวันศุกร์ที่ 09/10/20 ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และนายJean-Yves Le Drian รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางมารับเปโตรแน็งถึงประตูเครื่องบิน  ซึ่งก่อนหน้านี้มีการวางแผนแถลงข่าวร่วมกัน แต่ทางรัฐบาลกลับยกเลิกกระทันหันโดยไม่ได้อธิบายเหตุผลใดๆ 



เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2020 มาครงออกมาวิจารณ์ศาสนาอิสลาม  อิสลามคือศาสนาที่อยู่ในภาวะวิกฤตอยู่ทั่วโลกทุกวันนี้ เราไม่ได้เห็นภาวะวิกฤตของอิสลามแค่ในประเทศของเราเท่านั้น” นายมาครงกล่าว  


ประธานาธิบดีรอญับ ตอยยิบ แอร์โดฆานของตุรกีรีบออกมาสวนทันควันนาย โดยอ้างจากสำนักข่าวอนาโดลูของตุรกีว่า การโจมตีชาวมุสลิม กลายเป็นหนึ่งในวิธีการที่สำคัญที่สุดที่นักการเมืองยุโรปใช้ เพื่อปกปิดความล้มเหลวของพวกเขาเอง


ด้านเปโตแน็งเองประกาศว่าจะกลับไปทำงานด้านสิทธิฯ ช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่มาลีต่อไป แต่ขอใช้เวลาอยู่กับครอบครัวสักพักก่อน


ที่มา:


https://www.aa.com.tr/en/africa/freed-french-humanitarian-reveals-she-is-muslim/2001631#



https://www.aljazeera.com/news/2020/10/8/kidnapped-mali-opposition-leader-and-french-aid-worker-freed



https://www.theguardian.com/world/2020/oct/08/last-french-hostage-in-the-world-released-by-jihadists-in-mali



https://alkhaleejtoday.co/international/5067998/Very-harsh-words-from-Erdogan-to-Macron.html


https://5pillarsuk.com/2020/10/10/france-in-shock-as-freed-hostage-reveals-she-converted-to-islam/


Thursday, October 8, 2020

ทวิตเตอร์ปิดบัญชี IO ในไทย

 



📌 ทวิตเตอร์ปิด 1,594 บัญชีใน 5 ประเทศ: อิหร่าน ซาอุ คิวบา ไทย รัสเซีย ที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับหน่วยความมั่นคงของรัฐ และบัญชีที่ถูกปิดมากที่สุดเป็นของ IO ไทย ปิดไป 926 บัญชี โดยพบว่ามีความเชื่อมโยงกับกองทัพบก


ที่มา:

https://blog.twitter.com/en_us/topics/company/2020/disclosing-removed-networks-to-our-archive-of-state-linked-information.html


Credit: Atukkit Sawangsuk

Wednesday, October 7, 2020

สภาพชายชาวอุยกูร์ที่เพิ่งออกมาจากค่ายกักกันในเตอร์กิสถานตะวันออก

สภาพชายชาวอุยกูร์ที่เพิ่งออกมาจากค่ายกักกันในเตอร์กิสถานตะวันออก (ซินเจียง) 



ชายอุยกูร์ผู้น่าสงสารคนนี้เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากค่ายกักกัน ซึ่งแน่นอนเขาถูกทรมานทั้งทางร่างกายและทางจิตใจอย่างหนักระหว่างถูกกักขังอยู่ในค่าย  โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์  จากตอนเริ่มแรกที่เข้าไปที่ค่ายร่างกายสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แต่ตอนออกมาสภาพเป็นอย่างที่เห็นในคลิปวีดีโอ ซึ่งหลายคนก็ต้องจบชีวิตในค่าย  ส่วนผู้หญิงในคลิปไม่แน่ใจว่าเป็นภรรยาหรือลูกสาว  คลิปนี้ถูกแชร์มาเมื่อวันที่ 10 เม.. 2020 โดยนักสิทธิฯ ชาวอุยกูร์นาย Erkin Sidick ที่ลี้ภัยไปอยู่ในสหรัฐฯ 



ชาวอุยกูร์จะใช้แอพติ๊กต๊อกจีน เพราะเป็นช่องทางเดียวที่สามารถแชร์เรื่องราวให้โลกภายนอกได้รับรู้ถึงชะตาชีวิตของพวกเขาที่ถูกรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวอุยกูร์อย่างต่อเนื่อง



เครดิตคลิป: Erkin Sidick 



Tuesday, October 6, 2020

เหตุการณ์ 6 ตุลา



นี่คือผลผลิตของ propaganda ที่ทำกันอย่างเป็นระบบ สร้าง Image ให้นักศึกษาที่ออกมาเรียกประชาธิปไตยว่าเป็นคนร้าย แล้วปลุกอีกฝั่งหนึ่งขึ้นมาในคราบของเหล่าฮีโร่ ที่จำเป็นต้องจัดการคนร้ายไม่ว่าจะด้วยวิธีใดให้หมดสิ้น #6ตุลาลืมไม่ได้จําไม่ลง #6ตุลา 


🎬 ดูคลิป: ⚠️ มีภาพที่ชวนทำให้สะเทือนใจ


https://twitter.com/muslimahau/status/1313520707892994048?s=21

อับดุลรอเฮง สาตา : ชาวปาตานีที่สละชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลา

 











อับดุลรอเฮง สาตา หรือ  Abdul Rahim Sata เป็นนักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยมหิดล อายุ 23 ปี เป็นคนจากบ้านบาลูกา อ. สุไหงปาดี จ. นราธิวาส การศึกษาจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสุไหงโก-ลก สอบเข้าคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2518


บิดา-มารดา : นายมานะ สาตา – นางเจ๊ะดีเราะ ยาโก๊ะ

พ่อเป็นครูสอนศาสนาและแม่มีอาชีพขายข้าวยำ ฐานะยากจน


อับดุลรอเฮง เกิดวันที่ 19 ธันวาคม 2498

สละชีวิตถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ร่างของอับดุลรอเฮงถูกนำไปที่มัสยิดพญาไทเพื่อทำพิธีละหมาดญะนาซะห์ เขาถูกฝังที่สุสานในมัสยิดพญาไท เมื่อครอบครัวที่บ้านบาลูกาทราบข่าว พวกเขาพยายามเดินทางมากรุงเทพให้เร็วที่สุด หากแต่พี่ชายทั้งสองคนของอับดุลรอเฮงมาไม่ทันร่วมพิธีศพ ครอบครัวของอับดุลรอเฮงทำพิธีละหมาดที่บ้านบาลูกาอีกครั้ง


อับดุลรอเฮง เป็นสมาชิกของกลุ่มสลาตัน ซึ่งเป็นขบวนการนักศึกษามลายูปาตานีที่ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมและสิทธิมนุษยชนระหว่างปี พ.ศ. 2515-2520



ที่มา: 

https://www.facebook.com/101284718174399/posts/204503201185883/



Monday, October 5, 2020

☝️❤️ หนุ่มน้อยอเมริกันพยายามเรียนรู้การละหมาด หลังเพิ่งเข้ารับอิสลาม




มีคนที่ไปละหมาดที่มัสยิดแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ถ่ายรูปหนุ่มน้อยชาวอเมริกันที่น่าจะยังเรียนอยู่ระดับไฮสคูล กำลังละหมาดอยู่ที่มุมๆ หนึ่งของมัสยิด ซึ่งเขาพยายามอย่างมากในการเรียนรู้การละหมาดให้ถูกต้อง  ด้วยการจดบันทึกคำอ่านต่างๆ ลงบนแผ่นกระดาษ คนที่นำรูปมาโพสต์บอกว่าเขาเพิ่งเข้ารับอิสลามเมื่อไม่นานมานี้เอง 

ขออัลลอฮฺทรงเมตตาให้หนุ่มน้อยผู้นี้ ยืนหยัดในศาสนาอิสลามจนวันตายด้วยเถิด อามีน... ยาร็อบ


เครดิต: abdelrahman

ศาลออสซี่สั่งจำคุกคนร้ายที่ทั้งรัวหมัดถึง 14 ครั้ง และกระทืบซ้ำหญิงมุสลิมท้องแก่แค่ 3 ปี





🎬  ดูวีดีโอ: https://www.facebook.com/1072860619570646/posts/1426239400899431/



เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2020 ณ ศาลแขวง Parramatta ผู้พิพากษา Christopher Craigie at Parramatta District Court ได้พิจารณาโทษผ่านระบบวิดีโอที่เชื่อมต่อกับเรือนจำ สั่งจำคุกนาย Steven Lozina เป็นเวลา 3 ปี  โดยจำเลยได้ชกนาง Rana Elasmar วัย 32 ปีถึง 14 หมัด “เป็นการชกที่รุนแรงและเร็วมาก” โดยเหยื่อไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว


เหตุทำร้ายร่างกายเพราะความเกลียดชังคนมุสลิมเกิดขึ้นตอนกลางคืนของวันที่ 20 พฤศจิกายน 2019 นาย Lozina จำเลยวัย 44 ปีได้เข้าไปที่ร้าน Bay Vista Cafe ถนน Church St. ย่าน Parramatta เขต Parramatta และเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะที่นาง Elasmar และเพื่อนหญิงอีก 2 คนนั่งทานอาหารกันอยู่ จากนั้นนาย Lozina ได้เลือกลงมือชกนาง Elasmar ที่ท้องแก่อย่างรุนแรงถึง 14 ครั้ง  จนกระทั่งนางล้มลงนอนกับพื้น คนร้ายยังได้เข้าไปกระทืบนางต่ออีก นางพยายามนอนตัวงอ เพื่อปกป้องลูกในครรภ์ไม่ให้ถูกแตะ โดยเอาส่วนอื่นของร่างกายรับหมัดและเท้าของนาย Lozina แทน


หลังจากเหตุการณ์สุดช็อคผ่านไปประมาณครึ่งเดือน นาง  Elasmar ได้คลอดบุตรชายที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์


คนร้ายอ้างว่าเขาโมโหที่เดินเข้าไปขอเงินแล้วนาง Elasmar และเพื่อนไม่ให้เงิน แถมใช้คำหยาบคายด่ามุสลิม  ซึ่งก่อนหน้าทำร้ายนาง Elasmar เพียง 1 อาทิตย์  นาย Lozina เคยเดินตามและด่าทอหญิงมุสลิมที่สวมฮิญาบ 2 คนที่เดินซื้อของในห้าง Bankstown Shopping Centre 


นาย Lozina อ้างว่าเขาเป็นโรคจิตเภทหวาดระแวงเรื้อรัง (chronic paranoid schizophrenic) เขารู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป และรู้ว่าตัวเองเป็นอันตรายต่อการออกไปอยู่ในที่สาธารณะ ตัวเขาเองเหมาะสมกับการอยู่ในโรงพยาบาล 


ถึงแม้นาย Lozina เป็นอันตรายต่อสังคม และมีคดีทำร้ายร่างกายมาหลายคดีแล้ว  แต่ศาลก็ยังเมตตา กลับให้สิทธิ์จำเลยทำเรื่องขอปล่อยตัวอย่างมีทัณฑ์บนได้หลังจำคุกไปแล้ว 2 ปี


นักข่าวถามนาย Azzam Elasmar สามีของนาง Elasmar ว่ารู้สึกยังไงที่ศาลสั่งจำคุกคนร้าย 3 ปี มันดูเป็นธรรมมั้ย? นาย Azzam ตอบว่า “ไม่เป็นธรรม ลองคิดดูว่าคนร้ายจะออกมาจากคุกหลังจาก 2 ปีผ่านไป จะทำให้ทุกคนเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายร่างกายอีก ชายคนนี้สามารถทำร้ายใครต่อไปได้อีก ถ้าเขาออกมาจากคุก”



ที่มา: 


https://www.sbs.com.au/news/man-who-bashed-heavily-pregnant-muslim-woman-at-sydney-cafe-gets-three-year-jail-term


https://www.theguardian.com/australia-news/2020/oct/01/man-who-bashed-pregnant-muslim-woman-in-sydney-cafe-jailed-for-at-least-two-years


#อิสลามโมโฟโมโฟเบีย

#อิสลามโมโฟโมโฟเบียในออสเตรเลีย

#Islamophobia

Saturday, October 3, 2020

ชาวอินเดียลุกฮือประท้วง หลังหญิงสาววรรณะจัณฑาลถูกรุมข่มขืนและทรมานอย่างสาหัส

 










เหตุสะเทือนขวัญเกิดขึ้นวันที่ 14 กันยายน 2020 เมื่อหญิงสาววรรณะจัณฑาลวัย 19 ปี ออกไปทุ่งนากับแม่เพื่อไปเก็บหญ้ามาเลี้ยงสัตว์ ส่วนคนร้ายทั้ง 4 คนเป็นเพื่อนบ้านของเหยื่อ ที่มีวรรณะที่สูงกว่า ซึ่งชายทรชนทั้ง 4 คนก็คือ นาย Sandeep อายุ 20 ปี  นาย Ravi เป็นน้า Sandeep วัย 35 ปี และเพื่อนอีก 2 คนคือนาย Luv Kush 23 ปีและนาย Ramu 26 ปี โดยทั้งหมดอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน Hathras ในรัฐอุตตรประเทศภาคเหนือของอินเดีย 



เพราะแม่เป็นคนหัวหนวก นางถึงไม่ได้ยินตอนลูกสาวพยายามต่อสู้ขัดขืน ขณะที่คนร้ายทั้ง 4 คนไม่มีความเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น ร่วมกันลากตัวเหยื่อไปข่มขื่น ซึ่งห่างไปจากจุดที่แม่ยืนอยู่เพียงไม่กี่เมตร  



จากนั้นไม่นานนัก แม่เริ่มสังเกตว่าลูกหายไปจึงเริ่มเดินตามหา และได้ไปเจอลูกในสภาพนอนเปลือยกายเลือดอาบ ซึ่งเหยื่อถูกทรมานอย่างสาหัส  กระดูกสันหลังหักที่คอบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งลิ้นขาด  และเหยื่อกลายเป็นอัมพาต



ตำรวจเพิ่งมาจับตัวคนร้าย 13 วันหลังเกิดเหตุ  โดยตอนแรกตำรวจตั้งข้อหาแค่พยายามฆ่า และมาเพิ่มข้อหาข่มขืนในภายหลัง



เหยื่อถูกย้ายมาจากโรงพยาบาล J.N. Medical College Hospital (JNMCH) ที่อาลิการ์  และมารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงนิวเดลี เนื่องจากพ่อขอร้อง ซึ่งเธอมาเสียชีวิตลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (29 ..)



ครอบครัวของเหยื่อไม่มีโอกาสแม้กระทั่งได้เห็นหน้าผู้ตาย ทั้งๆ ที่พวกเขาต่างพากันขอร้องให้ตำรวจคืนศพ เพื่อมาทำพิธีทางศาสนาฮินดูก่อน ตำรวจก็ไม่สนใจ แต่กลับรีบเร่งนำศพไปเผาทันที



บรรดานักเคลื่อนไหวนักการเมืองและดาราบอลลีวู้ดประสานเสียงกันประณามทางโซเชียลมีเดีย ด้วยการติดแฮ็ชแท๊ก “เรียกร้องความยุติธรรมให้กับมานิชชา” (Justice for Manisha) และมีการเรียกร้องให้ประหารชีวิตชายทรชนทั้ง 4 คน ด้วยการแขวนคอ



พอตอนมีข่าวว่าตำรวจรีบเอาศพไปเผาทันที โดยครอบครัวไม่ได้เห็นด้วยแต่อย่างใด จึงทำให้ชาวอินเดียลุกฮือขึ้นมาประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครอบครัว ในกรุงนิวเดลีเอง ตำรวจควบคุมตัวหญิงนักเคลื่อนไหวหลายคนที่พยายามเดินขบวนบนท้องถนนถือป้ายข้อความ "หยุดวัฒนธรรมข่มขืนและตะโกนต่อต้านอทิตยาณัฐ และนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี



ยังมีประชาชนที่เป็นฝ่ายวรรณะที่สูงกว่าออกมารวมตัวประท้วงสนับสนุนแก๊งค์ข่มขื่นกลุ่มนี้ ด้วยการเรียกร้องให้ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับ 4 ทรชนนี้ด้วย 



เจ้าหน้าที่ของรัฐอุตตรประเทศยังเข้าไปหาครอบครัว และพยายามกดดันทุกอย่างเพื่อที่จะให้พวกเขาเปลี่ยนคำให้การว่าลูกสาวไม่ได้ถูกข่มขืน รวมทั้งปิดกั้นทั้งพรรคฝ่ายค้าน และสื่อที่จะเข้าไปสัมภาษณ์ แถมยังยึดมือถือพวกเขาไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก 



ล่าสุด ยังมีหญิงวรรณะจัณฑาลอีกรายที่ถูกข่มขื่น โดยตำรวจอินเดียเปิดเผยในวันพฤหัสบดีที่ 1 .. 2563 ว่า หญิงสาววัย 22 ปี จากวรรณะจัณฑาล เสียชีวิตอีกคนหลังจากถูกคนร้ายลากตัวขึ้นรถ หลังจากเหยื่อเดินทางไปสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนท้องถิ่น ในเขตบัลรามปุระ รัฐอุตตระประเทศ ก่อนถูกชายทรชนข่มขืนกระทำชำเรา



ทุกๆ 15 นาที มีคนถูกข่มขืน 1 ครั้งในอินเดีย และหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ก็เป็นหนึ่งในประชากรวรรณะจัณฑาลราว 200 ล้านคนของอินเดีย ซึ่งเป็นชนชั้นที่มักโดนเลือกปฏิบัติและล่วงละเมิด  นักรณรงค์กล่าวกันว่า การโจมตีคนวรรณะจัณฑาลเกิดเพิ่มขึ้นในช่วงไวรัสโคโรนาระบาด



ที่มา


https://thewire.in/rights/hathras-dalit-victim-cremated-uttar-pradesh-police


https://www.sbs.com.au/news/five-senior-police-officers-suspended-over-alleged-gang-rape-of-young-dalit-woman-in-india

กองทัพอิสราเอลสังหารเด็กกาซ่า 50 คน ภายใน 2 วัน

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรยูนิเซฟ UNICEF ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีที่นองเลือดในฉนวนกาซาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย...