Tuesday, September 29, 2020

พี่แทน เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ปักหลักประท้วงคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ

 


วันนี้สื่อเถื่อนได้ไปสัมภาษณ์พี่แทน กิตติภพ สุทธิสว่าง เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นที่นอนปักหลักอยู่ที่หน้าศาลากลางเป็นวันที่ 2 แล้ว “หลังจากศูนย์กลางสงขลาได้มีมติเมื่อวานนี้ ดำเนินการผังเมืองเป็นสีม่วง ชัดเจนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในจะนะเนี่ย เป็นความตั้งใจที่จะโยนพี่น้องจะนะประมาณแสนกว่าคนให้เปลี่ยนวิถีชีวิตทั้งหมดไปเลย ดูเหมือนว่าความเป็นอยู่ ศักยภาพของพื้นที่ทรัพยากรที่ชาวบ้านใช้ทำมาหากินสามารถดำรงอยู่ได้ แล้วสร้างที่อยู่ที่กินมาอย่างยาวนานเนี่ย ก็ไม่มีความหมายในสายตาของผู้มีอำนาจ และกลไกของภาครัฐที่เขาทำอยู่ และที่สำคัญมันสะท้อนให้เห็นว่าประเทศเนี่ย เวลาจะทำอะไรเนี่ย ศูนย์กลางอำนาจจากกรุงเทพถ้าอยากจะเอาก็ต้องเอาให้ได้...” 


เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นประท้วงคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เพราะ สืบเนื่องมาจากรัฐบาลใช้อำนาจโดยมิชอบ ผ่านมติครม.ไป 3 รอบ โดยที่ปชช.ทุกฝ่ายไม่ให้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด ล่าสุดมีการประชุมคณะที่ปรึกษาผังเมืองจ.สงขลา และมติที่ประชุมผ่านฉลุยเปลี่ยนผังเมืองจากสีเขียวเป็นสีม่วง เพื่อรองรับการสร้างนิคมอุตสาหกรรม


ที่มา


https://www.facebook.com/freedommojo/videos/688381832104755/

Monday, September 28, 2020

คลิปอุยกูร์ถูกบังคับให้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในเดือนรอมฎอน


คลิปอุยกูร์ถูกบังคับให้กินเนื้อหมูและดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในเดือนรอมฎอน


คลิปทางซ้ายมือเป็นคลิปที่ถ่ายก่อนปี 2015 ซึ่งชาวมุสลิมอุยกูร์ยังมีการมารวมตัวกันละศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอน แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนได้สั่งห้ามชาวอุยกูร์ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และยังมีการบังคับให้ชาวอุยกูร์กินอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อหมู และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์โดยเฉพาะในช่วงรอมฎอน ถ้าชาวอุยกูร์คนใดฝ่าฝืน ทางการจีนจะจับชาวอุยกูร์เข้าค่ายกักกันทันที เพราะถือว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้เป็นพวกสุดโต่ง 


ที่มาคลิปของข้อมูล:

DOAM


https://www.vice.com/en_in/article/qv7wjb/china-is-allegedly-forcing-its-muslims-to-break-their-ramadan-fast


 

Saturday, September 26, 2020

ตำรวจจับคนร้ายที่ฆ่าปาดคอผู้ดูแลมัสยิดที่โตรันโต้ได้แล้ว

 





แคนาดา - วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2020 ตำรวจของโตรอนโต้ได้จับกุมชายคนร้ายที่ฆ่าปาดคอนายมูฮัมหมัด อัสลิม ซาฟิส วัย 58 ปี ผู้ที่เป็นอาสาสมัครดูแลมัสยิดเร็กส์เดลในโตรอนโต้ ขณะนั่งอยู่ข้างหน้าทางเข้ามัสยิดเมื่อคืนวันที่ 12 กันยายน 2020 เพื่อคอยแจกจ่ายหน้ากากอนามัยและคอยตักเตือนผู้มาละหมาดให้เว้นระยะห่างในช่วงโควิด-19


ตำรวจจับกุมนาย Guilherme (William) von Neutegem อายุ 34 ปี ในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน  แต่กลุ่มสนับสนุนเพื่อต่อต้านความเกลียดชัง 2 กลุ่ม ได้เรียกร้องให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนคดีนี้ว่าเป็นคดีฆาตกรรมเพราะความเกลียดชังเพราะเมื่อเข้าไปดูโปรไฟล์และโซเชียลเน็ตเวิร์กของคนร้ายก็สามารถเชื่อมโยงได้กับกลุ่มไวท์สุพรีมาซีต์ white supremacist เป็นกลุ่มที่เชื่อว่าเผ่าพันธุ์คนผิวขาวมีฐานะสูงส่งและเลิศกว่าเผ่าอื่นๆ 


Evan Balgord ผู้อำนวยการเครือข่ายต่อต้านความเกลียดชังของแคนาดา(Canadian Anti-Hate Network) กังวลว่าตำรวจยังไม่ได้มีการตั้งข้อหาอาชญากรรมด้วยความเกลียดชัง แต่มันเป็นการชัดเจนว่า Neutegem เป็นสมาชิกของกลุ่ม white supremacist


ทางด้านนักสืบคดีฆาตกรรมของตำรวจโตรอนโตบอกกับ Global News ว่าพวกเขากำลังตรวจสอบแรงจูงใจที่เป็นไปได้ทั้งหมดสำหรับการฆาตกรรมรวมถึงความเกลียดชังและการก่อการร้าย พวกเขาใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ในการออกหมายค้นที่อพาร์ทเมนต์ 2 แห่งที่ Neutegem อาศัยอยู่กับพ่อและอดีตภรรยาของเขา


นาย Mustafa Farooq ประธานกรรมการบริหารของสภาแห่งชาติของชาวมุสลิมแคนาดา National Council of Canadian Muslims (NCCMกล่าวว่ารัฐบาลกลางจะต้องใช้ประมวลกฎหมายอาญาของแคนาดาระบุให้กลุ่มไวท์สุพรีมาซีต์เป็นกลุ่มก่อการร้าย


นายซาฟิส ผู้เสียชีวิตเป็นคนใจดีมีเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และไม่เคยมีศัตรูมาก่อน เขาได้เสนอตัวเป็นอาสาสมัครดูแลและทำความสะอาดมัสยิดมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว การจากไปของเขาโดยกระทันหันสร้างความโครกเศร้าเสียใจให้กับทุกคนที่รู้จักซาฟิสเป็นอย่างมาก



ที่มา

https://globalnews.ca/news/7351511/mohamed-aslim-zafis-murder-suspect-white-supremacy-social-media/



👉 ลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับข่าวนี้:


ผู้ดูแลมัสยิดถูกฆ่าปาดคอขณะนั่งอยู่หน้าประตูมัสยิดเร็กซ์เดล แคนาดา

https://theothersideofthestorymuslimah.blogspot.com/2020/09/blog-post_15.html

Friday, September 25, 2020

เด็กนักเรียนหญิงมุสลิมในมณฑลไห่หนานถูกสั่งห้ามสวมฮิญาบเข้าโรงเรียน


เด็กนักเรียนหญิงมุสลิมในมณฑลไห่หนานถูกรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์สั่งห้ามสวมฮิญาบเข้าโรงเรียน


เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2020 มีการแชร์คลิปเด็กนักเรียนหญิงของโรงเรียนแห่งหนึ่งในหมู่บ้านฮุยฮุย (Huihui) .เทียนหยา นครซานย่า มณฑลไห่หนานหรือไหหลำ  โดยวันดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่รัฐมายืนอยู่บริเวณหน้ารั้วโรงเรียน แล้วสั่งให้เด็กนักเรียนหญิงที่สวมฮิญาบมาเรียนเป็นปกติให้ถอดฮิญาบออกก่อนเข้าโรงเรียน  เด็กนักเรียนเหล่านี้ก็ไม่ยอมถอดฮิญาบตามคำสั่ง เพราะใส่กันมาไม่รู้กี่รุ่นแล้ว จึงพากันนั่งเรียนหนังสือกันเองหน้าโรงเรียนเพื่อประท้วงคำสั่งของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนที่อยู่ดีๆ ก็ห้ามเด็กนักเรียนหญิงสวมฮิญาบเข้าโรงเรียน โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า


ที่มาของคลิปและข้อมูล:

Twitter: @HongMikael, @Kmintlpk


 

Sunday, September 20, 2020

บาทหลวงชาวสวีเดนเข้ารับอิสลาม แล้วย้ายไปอยู่ที่โมร็อกโค

 


บาทหลวงชาวสวีเดนเข้ารับอิสลาม แล้วย้ายไปอยู่ที่โมร็อกโค หลังจากเป็นบาทหลวงนานถึง 33 ปี


สถานีโทรทัศน์ของสวีเดนช่อง Sveriges Television (SVTได้ตีแผ่ชีวิตของ Leif Skjetne อดีตบาทหลวงชาวสวีเดน วัย 75 ปีที่เข้ารับอิสลามได้ 3 ปีแล้ว เขาเปลี่ยนชื่อเป็นอะฮฺหมัด  โดยก่อนหน้านี้ Skjetne เป็นบาทหลวงนานถึง 33 ปี และเคยเป็นศิษยาภิบาล ผู้นำสูงสุดในการปกครองของคริสตจักรของ Skillingaryd ได้ 15 ปี


Skjetne ทำงานช่วยเหลือและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้ลี้ภัยชาวมุสลิม ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าเขามีเป้าหมายให้ชาวมุลิมเหล่านั้นเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์แทน!!!


โอมาร์ เป็นหนึ่งในมุสลิมที่เป็นผู้ลี้ภัยชาวโมร็อกโกที่มาอาศัยอยู่ที่บ้านของ Skjetne ในช่วงระยะสั้นๆ  Skjetne ได้รับแรงบันดาลใจจากการที่เห็นโอมาร์ถือศีลอดละหมาด และอ่านคัมภีร์อัลกุรอานอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้เขาเริ่มสนใจที่จะศึกษาศาสนาอิสลาม  และต่อมาไม่นาน เขาตัดสินใจเข้ารับอิสลามอย่างเงียบๆ เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวว่ารับอิสลามแล้วเพราะกลัวว่าจะไม่มีใครยอมรับการตัดสินใจของเขา


เขายังทำงานเป็นบาทหลวงต่อในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หลังเข้ารับอิสลามแล้ว.... ตอนนั้นเองเขารู้สึกว่าเขาเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก Skjetne จึงตัดสินใจขายทุกอย่างที่เขามี และย้ายไปอยู่ที่โมร็อกโก


ขณะที่เขาอยู่ที่โมร็อกโก  Skjetne โทรบอกเจ้านาย และเพื่อนที่เป็นบาทหลวงด้วยกัน โดยบอกว่า เขาได้เข้ารับอิสลามแล้ว ทุกคนต่างบอกว่าเขาได้เสียสติไปแล้ว


หนึ่งในบาทหลวงที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาลงทุนเดินทางมาหา Skjetne ถึงโมร็อกโกเพื่อนเขาพยายามโน้มน้าวใจให้เขาย้ายกลับมาอยู่ที่สวีเดน และกลับมาเข้ารับศาสนาคริสต์เหมือนเดิม  แต่ Skjetne กลับปฏิเสธเพื่อนไป พร้อมยืนยันว่าจะนับถือศาสนาอิสลามจนชีวิตหาไม่ และต้องการอยู่ที่โมร็อกโกต่อไป


เครดิตวีดีโอ: Mane 

ที่มา


https://www.sydsvenskan.se/2020-08-29/leif-blev-ahmed-forsta-prasten-i-skandinavien-att-konvertera

The Deen Show 

Tuesday, September 15, 2020

ผู้ดูแลมัสยิดถูกฆ่าปาดคอขณะนั่งอยู่หน้าประตูมัสยิดเร็กซ์เดล แคนาดา

 






นายมูฮัมหมัด อัสลิม ซาฟิส เป็นผู้ดูแลและทำความสะอาดมัสยิด วัย 58 ปี ได้นั่งอยู่หน้าประตูมัสยิดเร็กซ์เดล โตรอนโต้ หรือ International Muslims Organization of Toronto ในช่วงเวลา 20.40 น. ของคืนวันเสาร์ที่ 12/09/20 โดยเขาเป็นคนที่คอยตักเตือนผู้มาละหมาดให้ปฏิบัติตัวตามกฏในช่วงโควิด-19 ก่อนได้เวลาละหมาดมักริบร่วมกัน ขณะนั้นเองมีชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา แล้วลงมือปาดคอเขาอย่างเหี้ยมโหด จากนั้นคนร้ายก็รีบเดินหนีไป


อิหม่ามอัยมาน ตะฮีรฺ กล่าวว่า เขาได้พูดคุยกับซาฟิส 5 นาทีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตจากการถูกฆ่าปาดคอ  หลังจากได้ยินเสียงร้อง ทุกคนรีบวิ่งออกมาดู เห็นซาฟิสนอนจมกองเลือด เสียชีวิตทันทีที่หน้าประตูมัสยิด


ซาฟิสเป็นคนใจดีมีเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และไม่เคยมีศัตรูมาก่อน เขาได้เสนอตัวเป็นอาสาสมัครดูแลและทำความสะอาดมัสยิดมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว  การจากไปของเขาโดยกระทันหันสร้างความโครกเศร้าเสียใจให้กับทุกคนที่รู้จักซาฟิสเป็นอย่างมาก



ที่มา: https://www.rcinet.ca/en/2020/09/14/congregation-member-stabbed-to-death-in-front-of-his-his-toronto-mosque/

https://youtu.be/VBoTqyCWR3M

https://www.iheartradio.ca/newstalk-1010/news/watch-video-of-suspect-in-fatal-stabbing-outside-rexdale-mosque-released-by-police-1.13485833


#อิสลามโมโฟเบีย

#อิสลามโมโฟเบโมโฟเบียในแคนาดา

Sunday, September 13, 2020

ผู้พิพากษากล่าวชมความกล้าหาญของอับดุลอาซิส ฮีโร่ที่วิ่งไล่ตามผู้ก่อการร้ายในนิวซีแลนด์

 


นายอับดุลอาซิส วะฮับซาดะฮฺ คือหนึ่งในมุสลิมที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ และวิ่งไล่ตามผู้ก่อการร้ายนายแบรนตัน ทาร์แรนต์ ที่บุกยิงมุสลิมขณะที่พวกเขาละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดลินวูด (มัสยิดที่ 2)ในไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งตอนที่ให้การในศาล ขณะเดียวกันก็จ้องไปที่ใบหน้าของทาร์แรนต์ แล้วเรียกเขาว่า’จอมขี้ขลาด’ “.....คุณควรขอบคุณอัลลอฮฺที่ผมจับคุณไม่ได้ในวันนั้น คุณจะไม่มีวันที่จะลืมสายตาคู่นี้ ที่คุณวิ่งหนีจากมันไป”


จากนั้น ผู้พิพากษาแคเมรอน แมนเดอร์ (Cameron Mander) ได้กล่าวชมเชยความกล้าหาญของวะฮับซาดะฮฺ และคนที่อยู่ในศาลต่างปรบมือชื่นชมเขา วะฮับซาดะฮฺได้ประจันหน้ากับทาร์แรนต์ผู้ก่อการร้ายที่ทั้งสวมเสื้อเกาะกันกระสุน และมีอาวุธครบมือ แต่อาวุธอย่างเดียวที่วะฮับซาดะฮฺมีอยู่ในมือก็คือ เครื่องรูดบัตรเครดิตที่เขาหยิบออกมาจากมัสยิด

เมื่อ 15 มี.ค.62 เบรนตัน ทาร์แรนต์ ผู้ก่อการร้ายที่มีความเชื่อว่าคนผิวขาวเหนือกว่าชนผิวสีอื่นๆ ได้บุกยิงมุสลิมที่ไปละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดอัลนูร์ ซึ่งเป็นมัสยิดแห่งแรก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากถึง 44 คนจากที่นั่น
ทาร์แรนต์มาถึงมัสยิดที่ 2 เริ่มยิงมุสลิมที่อยู่หน้ามัสยิด ส่วนวะฮับซาดะฮฺกำลังละหมาดอยู่ในมัสยิด ได้ยินเสียงปืน ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเสียงประทัด พอมีคนวิ่งเข้ามาบอกว่ามีคนที่มาละหมาดถูกยิง วะฮับซาดะฮฺจึงรีบออกไปข้างนอก พร้อมคว้าเครื่องรูดบัตรไปด้วย


วะฮับซาดะฮฺตะโกนใส่ทาร์เรนต์ให้ออกมาประจันหน้ากัน เขาได้ปาเครื่องรูดบัตรใส่ทาร์แรนต์ จากนั้นทาร์แรนต์ได้ยิงรัวใส่เขาจนกระสุนหมด ซึ่งวะฮับซาดะฮฺได้ใช้รถเป็นที่กำบังหลบกระสุน เขายังยืนหยัดวิ่งไล่ตามผู้ก่อการร้ายอย่างไม่กลัวตาย เขาหยิบปืนที่ทาร์แรนต์ที่ทิ้งไว้ข้างศพผู้สูงอายุ 2 คน แต่พอจับปืนขึ้นมายิง เขากลับพบว่าไม่มีกระสุนเหลืออยู่อีกแล้ว


วะฮับซาดะฮฺถือปืนวิ่งไล่ตาม ขณะที่ผู้ก่อการร้ายทาร์แรนต์รีบวิ่งหนีขึ้นรถไป เขารีบใช้ปืนปาเข้าไปที่กระจกรถฝั่งคนนั่ง ขณะที่ทาร์เรนต์เตรียมขับรถหนี... วะฮับซะดะฮฺได้มองเห็นความกลัวตายที่เปล่งประกายออกมาจากสายตาของทาร์แรนต์ ส่วนทาร์แรนต์เองก็ด่าวะฮับซาดะฮฺ แล้วรีบเหยียบคันเร่งขับรถหนีฝ่าไฟแดง แล้วตำรวจไปจับได้ก่อนที่ทาร์แรนต์จะบุกไปยิงคนละหมาดมัสยิดที่ 3


ทาร์แรนต์ยังสารภาพว่า ตั้งใจจะยิงมุสลิมที่ไปละหมาดมัสยิดที่ 2 ให้ได้มากที่สุด แต่กลับต้องมาประจันหน้ากับวะฮับซาดะฮฺซะก่อน และก่อนหน้านี้ทาร์แรนต์ยังวางแผนระเบิดมัสยิดอีกด้วย



เครดิตคลิปวีดีโอ: Ilmfeed

Saturday, September 12, 2020

ผู้บริหารรร.สายบุรีอิสลามวิทยากล่าวถึงกรณีทหารพรานยิงปืนใส่รถรร.





ดาโต๊ะนิเดร์ วาบา หรือเปาะซูเดร์ ผู้บริหารรร.สายบุรีอิสลามวิทยาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Wartani ถึงกรณีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพราน ชื่อกสานดิ์ หนุดล่ะอายุ 36 ปี ได้ใช้ปืนยิงใส่รถบัสรับส่งนักเรียนของโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยาทำให้มีรอยกระสุนปืนยิงไปถูกรถบัส 3 จุด จากนั้นคนร้ายก็ขับรถกระบะส่วนตัวหนีไป

.

.

ซึ่งเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 .ตอนเวลา 18.30 หลังจากคนขับรถได้ไปส่งนักเรียนกลับบ้านหมดแล้ว ก่อนที่จะขับผ่านมาที่เกิดเหตุบนถนนทางหลวงสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส บริเวณ .5 .ตันหยงดาลอ .ยะหริ่ง .ปัตตานี

.

.

ตอนนี้ทหารพรานนายนี้ถูกปลดออกจากราชการ และถูกดำเนินคดีทางอาญา

.

.

ส่วนทางเปาะซูเดร์บอกว่า ถ้าวันนั้นมีเด็กนักเรียนนั่งอยู่ในรถจะมีอีกกี่คนที่ต้องตายไป ก่อนหน้านี้ทหารก็ไปค้นโรงเรียนเอกชนต่างๆ ประชาชนรู้ แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะพูด แนะรัฐบาลว่า ถ้าต้องการแก้ปัญหา 3 จังหวัดจริงๆ ต้องคัดเลือกคนดี มีความรับผิดชอบมาทำงานในพื้นที่

.

.

.

ที่มาคลิปสัมภาษณ์

https://www.facebook.com/wartanimap/videos/745155189367764/?vh=e&extid=JC25Bzq5rKbZ08yS


 

Friday, September 11, 2020

📍 มีคนโทรเรียกตำรวจ เพราะเห็นดิฉันซึ่งเป็นมุสลิมเข้าห้องน้ำคนพิการกับลูกสาว 2 คน

 




ตอนนั้นลูกสาวเรียนโรงเรียนทางไกลอยู่เกรด 11 เราพาครูฝรั่งสอนเลขไปเลี้ยงข้าว เพราะเขามาสอนลูกถึงบ้านครั้งละ 2 ชม. เดือนละ 2 ครั้ง 


เราก็รู้สึกขอบคุณที่ครูอุตส่าห์มาสอนให้ถึงบ้าน นอกจากจะทำอาหารเลี้ยงที่บ้านแล้ว เรายังพาครูไปเลี้ยงนอกบ้านเพื่อเป็นการตอบแทน พอหลังกินข้าวกลางวันกันเสร็จ ดิฉัน ลูกและครูก็พากันไปแวะห้างแถวไชน่าทาวน์ ดิฉันขออนุญาตครูเข้าห้องน้ำกับลูกสาว เราต้องการอาบน้ำละหมาด และวางแผนจะไปละหมาดกันที่สวนสาธารณะแถวนั้น


ดิฉันกับลูกพากันเข้าห้องน้ำคนพิการ  เพราะดิฉันเพิ่งไปผ่าหัวเข่ามาไม่นาน  พอทำธุระเสร็จแล้วผลัดกับลูกอาบน้ำละหมาดเสร็จ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู แล้วก็มีเงาคนยืนอยู่ข้างนอก 3 คนและตะโกนมาว่า “นี่ตำรวจนะ!” ดิฉันก็มองหน้ากับลูกแบบงงๆ ว่าตำรวจมาทำไม  ดิฉันก็ช้าเพราะกว่าจะใส่ผ้าคลุมผมฮิญาบ กว่าจะแต่งตัวเสร็จ ตำรวจก็ยืนเคาะอยู่นั้น...


ดิฉันก็ตะโกนออกไป “รอเดี๋ยว” แล้วพอเปิดประตูออกมา มีตำรวจหญิง 1 คน ตำรวจชาย 1 คน แล้วยามอีก 1 คน โดยเฉพาะตำรวจผู้หญิงเห็นดิฉันถือไม้เท้าเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เริ่มหน้าเสียทันที   ดิฉันก็ถามว่ามีอะไรเหรอ ตำรวจผู้หญิงบอกมีคนโทรแจ้งว่า ดิฉันกับลูกเข้าห้องน้ำกัน 2 คน ดิฉันก็รีบสวนไปเลยว่า “แล้วเข้ากัน 2 คนมันผิดกฏหมายตรงไหน?” 


ตำรวจผู้หญิงก็ยังพูดอีกว่า ครั้งหน้าก็เข้ากันทีละคนแล้วกัน ดิฉันยิ่งโมโหมากบอกตำรวจว่า “มีสิทธิอะไรมาสั่งให้เข้าห้องน้ำได้คนเดียว และนี่ก็ลูกสาวฉัน ทำไมเข้าด้วยกันไม่ได้ เข่าฉันก็เพิ่งผ่าตัดมา ถ้าล้มหัวฟาดในห้องน้ำคนเดียว ใครรับผิดชอบ!!!” ตำรวจก็พากันเดินจากไป


เล่าให้ครูที่นั่งรออยู่ข้างนอก เขาก็งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ครูบอกว่า ถ้าเป็นวัยรุ่นเข้าห้องน้ำไป 2 คนเพื่อไปฉีดยากัน คงไม่มีใครสนใจแน่นอน


เท่าที่สังเกตว่าคนที่เดินห้างนี้ มีแต่คนจีนทั้งนั้น และห้องน้ำที่เข้าก็เป็นโซนขายอาหารมีแต่พนักงานที่เป็นคนเอเซีย. ..


จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 10 กว่าปีมาแล้ว ดิฉันไม่เคยไปเหยียบห้างนี้อีกเลย...


เพราะมันนานมาพอสมควร  เรื่องนี้ก็แทบจะลืมไปแล้ว แต่พอมีเหตุการณ์โควิด-19 ขึ้นมา คนจีนเริ่มถูกฝั่งออสซี่ทำร้าย ถูกด่าทอ ถูกมองด้วยสายตาโกรธแค้น.... แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงสิ่งที่ดิฉันและลูกถูกบูลลี่เพียงพราะเข้าห้องน้ำกัน 2 คนในครั้งนั้น  หวังใจว่าคนเอเชียที่โทรแจ้งดิฉันกับลูกในวันนั้น แล้ววันนี้เขาต้องรู้สึกระแวง รู้สึกไม่ปลอดภัยเพียงเพราะหน้าตาของเขา จะรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองเคยบูลลี่หญิงมุสลิม 2 คนนี้บ้างมั้ย?????



#อิสลามโมโฟเบียในออสเตรเลีย

#เหตุการณ์911

*********************

👉  เรื่องที่เกี่ยวข้อง:


ประสบการณ์อิสลามโมโฟเบีย หลังเหตุการณ์ 9/11

 



เหตุการณ์ 9/11 มุสลิมได้รับผลกระทบโดยตรง เราก็เจอบ่อย ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุเลย มีวัยรุ่นฝรั่งมาเคาะประตูบ้านถามหาใครบางคน บอกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เห็นเราสวมผ้าคลุมฮิญาบ จู่ๆทั้ง 3 คนพากันหัวเราะแล้วพูดต่อหน้าเรา “เฮ้ย ญาติบินลาเดนโว้ย” แล้วก็เดินจากไป ไอ้เราก็ยืนอึ้งไปพักนึงเลย


#อิสลามโมโฟเบีย

Wednesday, September 9, 2020

ครบรอบ 3 ปีของการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุมุสลิมโรฮิงญา

 







25 สิงหาคมของทุกปี ชาวโรฮิงญาที่ลี้ภัยในบังกลาเทศจัดให้เป็น “วันรำลึกการฆ่าเผ่าพันธุ์” ซึ่งวันที่ 25 สิงหาคม 2017 กองทัพเมียนมาไล่กวาดล้างชาวโรฮิงญา มีการสังหารหมู่ ข่มขืน การล่วงละเมิดทางเพศรวมถึงการเผาทำลายหมู่บ้านอย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังมีการเผาทำลายมัสยิด ร้านค้าของชาวโรฮิงญา และคัมภีร์อัลกุรอาน


ส่งผลให้โรฮิงญาเสียชีวิต 25,000 คน 
ผู้หญิงและเด็กถูกข่มขื่น 18,000 คน
เด็กและผู้ใหญ่ถูกโยนเข้าไปในกองไฟ 36,000 คน
ถูกทุบตี 116,000 คน
มากกว่า 740,000 คนต้องหนีตายข้ามไปยังบังกลาเทศ


ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ประเทศแกมเบียในภูมิภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา ยื่นฟ้องเมียนมาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) โดยกล่าวหาว่าเมียนมา "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ข่มขืน และทำลายชุมชนต่างๆ ในรัฐยะไข่ " ต่อมุสลิมโรฮิงญา และแน่นอนอยู่แล้วที่นางอองซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลพลเรือน ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 


ในวันที่ 23 ม.ค. 2020 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ให้เมียนมาออกมาตรการชั่วคราวแบบเร่งด่วน เพื่อหยุดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา และห้ามทำลายหลักฐานการทำร้ายกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มดังกล่าวที่เกิดขึ้นในอดีต 


คำตัดสินของศาลโลกเป็นเพียงการออกมาตรการเบื้องต้น ส่วนคำตัดสินขั้นสุดท้ายจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี และแม้คำตัดสินของศาลโลกถือเป็นที่สิ้นสุด และมีผลผูกพันต่อคู่กรณี แต่ที่ผ่านมา หลายประเทศก็มักเมินคำตัดสินดังกล่าว เนื่องจากศาลโลกไม่มีกลไกอย่างเป็นทางการในการบังคับใช้คำสั่ง


สุดท้ายก็คือ ทั้งมินอองหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และอองซาน ซูจี ยังคงลอยนวล ไม่ต้องรับผิดชอบการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวโรฮิงญาแต่อย่างใด



ที่มาของข้อมูล:

https://www.aljazeera.com/news/2019/07/chief-bangladesh-continue-hosting-rohingya-190710191318011.html

https://www.thedailystar.net/rohingya-crisis/news/dutch-house-representatives-adopts-motion-probe-rohingya-genocide-1767124

https://www.ryt9.com/s/iq38/3088382

✍️ ข่าวที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้:
เรื่องราวของชาวโรฮิงญาที่ถูกรุมข่มขืน เด็กๆ ถูกจับเผาทั้งเป็น และการสังหารชาวโรฮิงญา












 

เยาวชนหญิงชาวปาเลสไตน์ท่องจำคัมภีร์อัลกุรอานทั้งเล่มใช้เวลาน้อยกว่า 6 เดือน

 



น.ส.ตักวา ซาฮิรฺ วัย 15 ปีจากปาเลสไตน์ ได้ท่องจำอัลคัมภีร์อัลกุรอานทั้งเล่ม ด้วยการใช้เวลาน้อยกว่า 6 เดือน

น้องใช้ช่วงเวลาที่จำเป็นต้องกักตัวอยู่ที่บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19ในปาเลสไตน์ ท่องจำคัมภีร์อัลกุรอานทั้งเล่มสำเร็จเมื่อเร็วๆ นี้นี่เอง

ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮู วะตาอาลา ทรงประทานพร ผลบุญและตอบรับความพยายามที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ให้กับน้องด้วยเถิด อามีน.....

ที่มา: Ilmfeed


Friday, September 4, 2020

กลุ่มผิวขาวขวาที่นอร์เวย์ ฉีกคัมภีร์อัลกุรอาน ถ่มน้ำลายใส่ และโปรยลงพื้นในงานชุมนุมประท้วงต่อต้านอิสลามหน้าตึกรัฐสภา




นอร์เวย์ - เมื่อวันเสาร์ (29/08) ที่ผ่านมา กลุ่มผิวขาวขวาจัดที่ต่อต้านอิสลามภายใต้ชื่อ SIAN (Stop Islamisation of Norway) ได้จัดการชุมนุมประท้วงที่ Eidsvoll Plass หน้าตึกรัฐสภาที่ Oslo โดย Lars Thorsen หัวหน้ากลุ่มเริ่มปราศรัยด่าทอท่านศาสดามูฮัมหมัดต่างๆ นานา


จากนั้นผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่ม SIAN นคัมภีร์อัลกุรอานมาฉีก ถ่มน้ำลายใส่และปาลงพื้น ซึ่งมีนักข่าวถ่ายทอดสดกลุ่มต่อต้านอิสลามจนจบการประท้วง ผู้หญิงคนนี้เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาการพูดปลุกระดมให้เกิดความเลียดชัง (hate speech) แต่ศาลกลับยกฟ้องนาง


ฝ่ายกลุ่มต่อต้านอิสลามมีประมาณ 10 กว่าคน แต่กลุ่มตรงกันข้ามที่ต่อต้านกลุ่ม SIAN จัดชุมนุมในเวลาเดียวกัน และพวกเขามากันหลายร้อยคน


ทางฝ่ายต่อต้านกลุ่ม SIAN บางคนโมโหมากขึ้นเมื่อเห็นกลุ่มต่อต้านอิสลามเริ่มฉีกกุรอานและถ่มน้ำลายใส่คัมภีร์อัลกุรอาน จึงพยายามที่จะยกที่กั้นออกไป และเริ่มปาไข่ใส่กลุ่มต่อต้านอิสลาม ตำรวจจึงฉีดแก๊สน้ำตาและสเปรย์พริกไทยใส่กลุ่มต่อต้านกลุ่ม SIAN


ตำรวจหลายสิบนายให้การอารักขากับกลุ่ม SIAN ที่เป็นฝ่ายจัดชุมนุมยุยง ปลุกปั่น สร้างความเกลียดชังต่อคนมุสลิมในนอร์เวย์ แต่กลับจับกุมฝ่ายต่อต้านกลุ่ม SIAN ไป 29 คนซึ่งรวมถึงจับกุมเยาวชนไปบางส่วนด้วย


การประท้วงในนอร์เวย์เกิดขึ้น 1 วัน หลังจากเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันในเมือง Malmo ของสวีเดนเมื่อวันศุกร์ที่ผู้ประท้วงปะทะกับตำรวจหลังจากกลุ่มหัวรุนแรงขวาจัดประท้วงเผาคัมภีร์อัลกุรอาน



คลิปวีดีโอ:
TRT World
.
ที่มาของข้อมูล:


 

กองทัพอิสราเอลสังหารเด็กกาซ่า 50 คน ภายใน 2 วัน

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรยูนิเซฟ UNICEF ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีที่นองเลือดในฉนวนกาซาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย...