Thursday, November 21, 2019

หญิงมุสลิมท้องแก่ถูกชายออสซี่กระหน่ำชกไปที่ศีรษะ แถมยังกระทืบซ้ำไปที่หน้าของนางอีก




หญิงมุสลิมตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนครึ่ง วัย 31 ปี กำลังนั่งทานขนมกับเพื่อนมุสลิมหญิงอีก 2 คนที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งในตอนกลางคืนของวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งร้านตั้งอยู่บนเชริช์ สตรีท พารามาต้า นครซิดนีย์


ชายชาวออสซี่ที่เป็นคนร้ายคนดังกล่าวเดินเข้ามาในร้าน และตรงดิ่งเข้าไปยังโต๊ะหญิงมุสลิมทั้ง 3 คน มีรายงานว่า คนร้ายไม่ได้รู้จักกับหญิงทั้ง 3 คนมาก่อน เริ่มใช้คำพูดด่าทอเกี่ยวกับเรื่องศาสนาอิสลาม ก่อนที่จะเอื้อมตัวกระหน่ำชกไปที่ศีรษะของหญิงมุสลิมคนที่ท้องแก่แบบไม่ยั้ง จนกระทั่งนางล้มลงไปกับพื้น และเขายังกระทืบซ้ำไปที่ศีรษะอีกหลายครั้ง จนกระทั่งมีคนในร้านเริ่มเข้ามาช่วยนาง และเพื่อนที่นั่งโต๊ะเดียวกันใช้เก้าอี้ฟาดไปที่ชายคนร้าย คนที่อยู่ในร้ายได้ช่วยกันจับตัวคนร้ายเอาไว้ แล้วโทรแจ้งตำรวจให้มาจับตัวไป


ส่วนทางด้านหญิงมุสลิมท้องแก่ผู้นี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเวสมี๊ด และวันนี้ออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว


Luke Sywenkyj สารวัตสอบสวนประจำรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้ให้สัมภาษณ์ผุ้สื่อข่าวเมื่อเช้านี้ว่า หญิงมุสลิมคนดังกล่าวมีแผลฟกช้ำ และมีอาการบวม


คนร้ายคือ นาย Stipe Lozina อายุ 43 ปี ถูกนำตัวขึ้นศาลท้องถิ่นในพารามาต้าในวันนี้ (21/11/2019) ข้อหาก่อเหตุทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกาย ศาลยังได้ปฏิเสธการให้ประกันตัว นาย Lozina มีประวัติอาชญกรรมอยู่หลายคดี และต้องขึ้นศาลอีกหลายครั้ง


สารวัตรสอบสวน Sywenkyj ยังได้ยกย่องคนที่อยู่ในร้านค่าเฟ่ที่เข้าไปช่วยจับคนร้ายเอาไว้ และส่งตัวให้ตำรวจ “หากไม่ใช่เพราะการกระทำที่กล้าหาญของคนในร้านที่ช่วยกันจับคนร้ายได้ทันท่วงที เหยื่ออาจได้รับบาดเจ็บสาหัสมากไปกว่านี้แน่นอน”


รายงานที่จัดทำขึ้นโดยกลุ่ม The Islamophobia Register เปิดเผยว่า อิสลามโมโฟเบีย หรือโรคหวาดกลัวอิสลามในออสเตรเลียช่วงปี 2016 – 2017 โดยทางองค์กรได้รับรายงานจากเหยื่อที่ถูกด่าทอ หรือทำร้าย โดยมีการแจ้งเข้ามาเป็นจำนวน 349 ครั้ง ซึ่งผู้ที่เป็นเหยื่อ 96 เปอร์เซนต์เป็นผู้หญิงและเด็กที่สวมใส่ฮิญาบ โดยส่วนใหญ่เป็นในลักษณะการพูดจาด่าทอเพราะดูการแต่งกายแบบหญิงชาวมุสลิม เป็นการด่าทอในที่สาธารณะ ในโลกออนไลน์ ซึ่งหญิงมุสลิมบางรายก็ถูกทำร้ายร่างกายในที่สาธารณะ แต่หลายครั้งไม่ได้รับการช่วยเหลือ


ผู้ที่โจมตีหญิงมุสลิมและเด็กหญิงส่วนใหญ่เป็นผู้ชายชาวแองโกล-แซกซัน ซึ่งเป็นพวกคนผิวขาวที่มีเชื้อสายอังกฤษ หรือพวกชาวยุโรปที่มีที่พำนักอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย



ที่มาของข้อมูล –
https://www.9news.com.au/…/e6a09d38-2208-4591-980b-afe5ef29…

Tuesday, November 19, 2019

ผลสรุปไม่พบ DNA ในปอเนาะลำใหม่ว่า มีความเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุยิง ชรบ.ลำพะยา



หลังจากพันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกอ.รมน. ภาค 4 ออกมาโต้แย้งกรณีที่มีสื่อไปสัมภาษณ์นายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา และเจ้าของรร.พัฒนาอิสลามวิทยา หรือปอเนาะลำใหม่ โดยออกมายืนยันว่า ผ้าโสร่งที่ยึดไปเป็นหลักฐาน ไม่ใช่เปื้อนรอยยางกล้วยอย่างที่ผอ.มะสบรี รร.ปอเนาะลำใหม่ กล่าวกับผู้สื่อข่าว แต่โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ยืนยันว่าเป็นเลือดคนหรือเลือดสัตว์ และได้ส่งหลักฐานดังกล่าวไปที่ตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กทม. โดยจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์


ซึ่งภายในวันเดียวกันนี้เอง (18/11/2562) ผลตรวจ DNA ที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคง เข้าไปค้นและเก็บ DNA ทั้งนักเรียนและครูสอนศาสนาจากรร.พัฒนาอิสลามวิทยา ออกมาแล้วว่า ไม่มีคนไหนที่ไปเชื่อมโยงกับ DNA ในที่เกิดเหตุที่ถล่มจุดตรวจ ชรบ. ลำพะยา ยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย



ที่มา – Thai PBS ศูนย์ข่าวภาคใต้
https://www.facebook.com/watch/?v=589124378561110
 ข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้:
🎬 ข้อมูลอ้างอิงที่รายการข่าว3มิติเสนอข่าวการสัมภาษณ์นายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา และผู้อำนวยการของโรงเรียน ออกอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2562:
https://www.facebook.com/watch/?v=741449793024785

#หนังคนละม้วน!






เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พ.ย. 2562 พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ได้ชี้แจงถึงกรณีที่สื่อเสนอข่าวคำสัมภาษณ์นายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา และผู้ได้รับใบอนุญาต รร.พัฒนาอิสลามวิทยา หรือปอเนาะลำใหม่ ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นโรงเรียน เมื่อวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยการเสนอข่าวมีข้อมูลไม่ตรงกันกับทางกอ.รมน.ภาค 4 อยู่หลายเรื่อง

  -  พันเอกปราโมทย์กล่าวว่า พบโสร่งที่มีรอยคล้ายเปื้อนเลือดตกอยู่ระหว่างบ้านพักครู 2 หลัง สอบถามไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ จนท.จึงเก็บโสร่งไปเป็นเหลักฐาน และตรวจ DNA อุสตาสที่เป็นเจ้าของบ้านทั้ง 2 คนคือ นายยูโส้ะ เด็นอะสัน และนายซูบกิฟลี ฮารี ส่วนทางด้านนายมะสบรี ฮารี ผู้อำนวยการรร.ปอเนาะ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวด้วยการโชว์ผ้าโสร่งให้นักข่าวดู กล่าวว่า “ผ้าที่อยู่ที่บ้านที่เขาใช้อาบน้ำ  เขา(ไม่ได้ระบุชื่อเจ้าของ แต่แสดงให้เห็นว่าผ้าโสร่งชิ้นนี้มีคนรับว่าเป็นเจ้าของ)  ชี้แจงว่าไม่ใช่เลือด เป็นยางของต้นกล้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ”

  - โฆษก กอ.รมน. ภาค 4 ยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นยางกล้วยตามที่มะสบรี ฮารี ผอ.รร.ปอเนาะลำใหม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยปัจจุบันจนท.ได้ส่งหลักฐานดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กทม. โดยจะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์  สื่อถามผอ.มะสบรี รร.ปอเนาะลำใหม่ว่า เขานำผ้าไปตรวจสอบไหมในวันนั้น? ผอ.บอกว่า เขานำไปตรวจสอบแล้วนำมาคืน พร้อมโชว์ผ้าโสร่งที่มีรอยเปื้อน และถุงพาสติกใสที่มีซิปล็อคให้สื่อดู

โฆษก กอ.รมน. ภาค 4 กล่าวว่า มีการประสานขอความร่วมมือและแจ้งวัตถุประสงค์ให้ผอ. โรงเรียนทราบล่วงหน้าแล้ว และได้รับอนุญาตแล้ว จึงได้แจ้งให้ชุดนิติวิทยาศาสตร์เข้าไปตรวจเก็บหลักฐานดังกล่าว ไม่ได้ใช้อำนาจตามกฏหมายพิเศษที่มีอยู่เข้าไปข่มขู่ ขู่เข็ญ และคุกคามบุคลากร และนักเรียนแต่อย่างใด 
ทางด้านผอ.ปอเนาะลำใหม่ ได้ระบุชื่อหน่วยงานซีเอสไอ ที่พวกเขารู้สึกว่าเหมือนเข้ามาในโรงเรียนแบบจู่โจม แล้วบาบอก็รู้สึกเสียใจกับพฤกติกรรมของซีเอสไอ


ที่มา –
อ่านข่าวนี้ได้ทั้งหมดที่เพจ The Reporters:
https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/2464375403812845
🎬 ข้อมูลอ้างอิงที่รายการข่าว3มิติเสนอข่าวการสัมภาษณ์นายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา และผู้อำนวยการของโรงเรียน ออกอากาศเมื่อวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2562:


Sunday, November 17, 2019

โสร่งที่จนท.ฝ่ายความมั่นคงยึดอุสตาสไป ผลสอบเป็นคราบยางกล้วย ไม่ใช่คราบเลือด



ผลตรวจสอบผ้าโสร่งที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยึดไปเป็นหลักฐานในระหว่างการเข้าควบคุมตัวอุสตาส ยืนยันตรงกับคำให้การของอุสตาสว่า ไม่ใช่คราบเลือด แต่มันเป็นแค่คราบ ‘ยางของต้นกล้วย’ ซึ่งตอนแรกจนท.ก็ไม่เชื่อคำให้การของอุสตาส


เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบุกตรวจค้นโรงเรียนพัฒนาอิสลามวิทยา ตำบลลำใหม่ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา เพื่อขอตรวจดีเอ็นเอนักเรียน 20-30 คน พร้อมควบคุมตัวอุสตาสหรือครูสอนศาสนาชื่อ นายสูดิน เจะแว จากบ้านพักหลังโรงเรียน โดยทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ไม่ได้เชิญตัวจากโรงเรียนอย่างที่เป็นข่าว และทางโรงเรียนก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี


หลังการตรวจค้นเจ้าหน้าที่หัวหน้าชุดก็รายงานให้ทางโรงเรียนทราบว่า การตรวจค้นไม่พบสิ่งที่ผิดกฏหมายแต่อย่างใด


นายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลาที่เป็นเจ้าของโรงเรียนพัฒนาอิสลามวิทยา กล่าวว่า รู้สึกกังวลและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน หน่วยงานที่มาคือหน่วยงานซีเอสไอ โดยเข้ามาในรูปแบบจู่โจม มีหน้าที่แข็งกร้าว และไม่มีการแจ้งวัตถุประสงค์ในการเข้ามาตรวจค้นโรงเรียนในครั้งแรก


ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลายังมีการยืนยันว่า ในการที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยึดหลักฐานผ้าโสร่งของอุสตาสที่ถูกควบคุมตัวไปนั้น ที่ทางเจ้าหน้าที่สงสัยว่าเป็นเลือด แต่ทางอุสตาสก็ยืนยันว่าเป็นเพียงแค่ ‘ยางกล้วย’ เจ้าหน้าที่ก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อไปตรวจผลการตรวจยืนยันว่าไม่ใช่เลือด เพราะฉะนั้นขอให้หน้าที่ตรวจสอบหลักฐานให้ถูกต้องก่อนตรวจค้น เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายและประชาชนในพื้นที่หวาดระแวงเจ้าหน้าที่


“ผ้าที่อยู่ที่บ้านที่เขาใช้อาบน้ำ อุสตาสชี้แจงว่าไม่ใช่เลือด เป็นยางของต้นกล้วย เขาไม่เชื่อ ซีเอสไอไม่รู้จริงหรือเปล่าที่ทำงานอย่างนี้ ถ้าทำอย่างนี้ชาวบ้านก็หวาดผวาอีกแหละ เขานำไปตรวจสอบและเอามาคืน ถ้าหน่วยงานซีเอสไอทำอย่างนี้ก็แย่ เปรียบเสมือนมีอะไรเราก็ผิดตลอดน่ะ” นายมะสบรี ฮารี ผู้อำนวยการโรงเรียนพํฒนาอิสลามวิทยา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวรายการข่าว 3 มิติของสถานีช่อง 3


นายสมะแอกล่าวว่า ก็ยืนยันว่าที่ผ่านมาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยตลอด ถ้าต้องการสิ่งใดก็ขอให้พูดคุยกันด้วยความจริงใจ เพราะหลังเกิดเหตุความไม่สงบ ทางโรงเรียนปอเนาะก็ตกเป็นจำเลยของสังคมว่าเป็นแหล่งซ่องสุม ให้ที่พักกับกลุ่มคนร้าย ทำให้คนภายนอกที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงจะยิ่งมีการเข้าใจผิด จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติงาน




ที่มา –
ข่าว3มิติ
https://www.facebook.com/watch/?v=741449793024785

🎬 ข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ผบ.ฉก.ยะลา เดินทางมาด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันผลตรวจ DNA กับสามีภรรยาในกรณีผ้าก็อตทำแผล ที่ใช้ทำแผลให้แม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งจริง ไม่ใช่ของผู้ต้องสงสัยที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไป ซึ่งอยู่บ้านตรงข้ามกัน
https://www.facebook.com/watch/?v=2433886446822829
🎬 ผู้ใหญ่บ้านบ้านต้นหยี ออกมาปกป้องลูกบ้านที่ถูกทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงควบคุมตัวไปว่าพวกเขาบริสุทธิ์
https://www.facebook.com/watch/?v=953137738400275
🎬 ชาวบ้านต้นหยี ยืนยันผ้าก๊อตพันแผลที่เจ้าหน้าที่ยึดไปได้ เป็นของผู้ป่วยมะเร็ง ไม่ใช่ของผู้ต้องสงสัย
https://www.facebook.com/TheReportersTH/videos/465403587662990/

Thursday, November 14, 2019

รัฐอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มบ้าน สังหารยกครัวชาวปาเลสไตน์ 8 ศพ



รัฐก่อการร้ายอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มบ้าน สังหารคนในครอบครัวไปทั้งหมด 8 คน รอดชีวิตเพียงทารกคนเดียว

เครื่องบินรบของรัฐก่อการร้ายอิสราเอลพุ่งเป้าทิ้งระเบิดถล่มบ้านอัสซอวัรเกาะฮฺ ตอนเวลาตี 1.15 น. ขณะที่ทั้งครอบครัวกำลังนอนหลับพักผ่อนกันอยู่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 8 ราย และมีทารกวัย 35 วันรอดชีวิตภายใต้อ้อมแขนของพี่ชายที่นอนเสียชีวิตอยู่ในบ้าน


กระทรวงสาธารณสุขในกาซ่า ได้ระบุชื่อผู้เสียชีวิต: 1. นายรอซมีย์ อบูมัลฮุส อายุ 45 ปี 2. นางมัรยัม อบูมัลฮุส อายุ 35 ปั 3. นางยุซรอ อบูมัลฮุส อายุ 39 ปี 4. ด.ช. วะซีม อบูมัลฮุส อายุ 13 ปี 5. ด.ช.มุฮันน๊าด อบูมัลฮุส อายุ 13 ปี 6. ด.ช. มุอ๊าซ อบูมัลฮุส อายุ 7 ขวบ


ส่วนศพของเด็กอีก 2 รายคือ 7. ด.ช.ซาลิม และ 8. ด.ช. ฟิร็อซ อบูมัลฮุส ถูกนำร่างออกจากซากปรักหักพังในช่วงตอนเช้า


มีสมาชิกคนในครอบครัวอีก 12 คนได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ รวมทั้งเด็กทารกวัยเพียง 35 วันที่รอดชีวิตมาได้ โดยถูกพบในอ้อมแขนของมูฮันน๊าด ซึ่งเป็นพี่ชายของเด็ก ที่นอนเสียชีวิตอยู่


ณ ตอนนี้ ยอดเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่ามีทั้งหมด 34 ราย และบาดเจ็บ 111 คน หลังจากอิสราเอลเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีทิ้งระเบิดถล่มใส่บ้านของผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่มอิสลามมิกญิฮาด ขณะที่พวกเขานอนหลับอยู่ในตอนตี 4 ของวันอังคารทีผ่านมา และทางกลุ่มเองก็ได้ส่งจรวดตอบโต้กลับไปมากกว่า 400 ลูก ทางอิสราเอลเองส่งเครื่องบินรบ โดรน และยิงปืนใหญ่มุ่งเป้าไปที่บ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์ โรงเรียน พื้นที่การเกษตร พื้นที่การประมง ฟาร์มสัตว์ และสวนผัก


ล่าสุด ทั้งกลุ่มอิสลามมิก ญิฮาดและรัฐอิสราเอล ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง หลังสู้รบกันอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งมีผลบังคับใช้เริ่มตั้งแต่เวลา 5.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพฤหัส 14/11/2019

คลิปวีดีโอ - https://twitter.com/ShehabAgency/status/1194771210955046913

ที่มาของข้อมูล –
https://www.middleeastmonitor.com/20191114-israel-kills-8-…/

Sunday, November 10, 2019

ผู้ใหญ่บ้านบ้านต้นหยี ออกมาปกป้องลูกบ้านที่จับตัวไปว่าพวกเขาบริสุทธิ์


ผู้ใหญ่บ้านบ้านต้นหยี ออกมาปกป้องลูกบ้านที่ถูกจนท.ฝ่ายความมั่นคงจับตัวเด็กไป “ผมเอาหัวของผมรับประกัน เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์” พร้อมถามจนท.กลับไปหลายรอบ “แล้วจับเด็กไปทำไม?????”


ฝ่ายความมั่นคงได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดมวลชนสัมพันธ์ลงพื้นที่เข้าไปประจำหมู่บ้านต่างๆ ที่ทหารเข้าไปปฏิการจับกุมผู้ต้องสงสัย โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้านว่าไม่มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด


นายซันสุรี อับดุลลี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 บ้านต้นหยี ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ชุดมวลชนสัมพันธ์ต่อหน้าสื่อมวลชนช่องเนชั่นที่ลงพื้นที่ไปทำข่าวว่า “จะมาเชิญตัวผมไม่ว่า แต่เด็กคือบริสุทธิ์จริงๆ นะ ผมรู้ ผมเอาหัวของผมรับประกัน แล้วเอาไปทำไม เนี่ยแหละผมเสียใจ ปล่อยมา 2 คน แต่มีอีกคนหนึ่ง เพิ่งแต่งงานไปหยกๆ ตอนนี้มาอยู่....นี้เราพูดความจริง”


ฝ่ายเจ้าหน้าที่มวลชนสัมพันธ์กล่าวกับผู้ใหญ่บ้านซันสุรีว่า “ครับๆ เข้าใจความรู้สึกผู้ใหญ่ แต่ว่าด้วยตามแนวทางของกฏหมายที่เชิญตัวไป บางทีเราไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยนะครับ เหมือนเผื่อรู้ เผื่อที่เป็นแนวทางในที่ เหมือนว่าเคยที่เกี่ยวข้อง. เคย...”


ผู้ใหญ่บ้านซันสุรี รีบปกป้องลูกบ้านที่ถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงจับตัวไปในทันทีว่า “ไม่มี 2 คนนี้ไม่มีจริงๆ”


ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็รีบปรับความเข้าใจกับผู้ใหญ่บ้านว่า “ไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างนั้นครับ หมายถึงว่า อยู่ในจุดนี้ จุดนี้ คือว่า เขาว่าไปตามแนวทางของหลักฐาน”


ผู้ใหญ่บ้านกล่าวกับเจ้าหน้าที่ต่อไปอีกว่า “ผมขอร้องอย่างเดียวว่า ตอนนี้มีรัฐธรรมนูญแล้ว ประชาธิปไตย แต่ขออย่างเดียวว่า ทหารจะมาจับ เข้ามาในหมู่บ้านผม หรือบ้านใครก็แล้วแต่ แต่หมู่บ้านผม ผมขอ เพราะว่าผมเป็นผู้ใหญ่ใช่มั้ย ขอว่าจะจับ จะเชิญตัวก็แล้วแต่ ขอให้คิดให้ดีก่อน อย่าจับสุ่มสี่สุ่มห้า”


ผู้ใหญ่บ้านยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของเด็กที่ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงที่จับตัวไปว่า “เช้านี้มีแล้ว 2 คน เด็กดีมากเลย เพราะว่าผมรู้ ผมเป็นผู้ใหญ่ เด็กวัยรุ่น 2 คนมันดี แล้วมาจับมันทำไม มันวุ่นวาย ถ้าเด็กมีแผลแล้ว ผมก็ไม่ว่า มีแผลมาแต่ก่อนใช่มั้ย เด็กเป็นแนวร่วม อย่างโน่น อย่างนี้”

🎬 ที่มาของคลิป:

ดูคลิปวีดีโอเต็มได้ที่:
เก็บตกจากเนชั่น ภาคเย็น ประจำวันที่ 9/11/2019
https://www.facebook.com/nationtv22live/videos/484473178826044?sfns=mo
🎬 ชาวบ้านต้นหยี เจ้าของผ้าก็อตพันแผลที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไปได้ พร้อมผู้ต้องสงสัยเหตุยิง ชรบ.ต.ลำพะยา ยืนยันว่าเป็นของแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งคอหอย ระยะที่ 3
https://www.facebook.com/TheReportersTH/videos/465403587662990/

ชาวบ้านต้นหยี เจ้าของผ้าก็อตพันแผลที่จนท.ตรวจยึดไปได้ ยืนยันว่าบริสุทธิ์


LIVE: ชาวบ้านต้นหยี เจ้าของผ้าก็อตพันแผลที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไปได้ พร้อมผู้ต้องสงสัยเหตุยิง ชรบ.ต.ลำพะยา ยืนยันว่าไม่ใช่ของผู้ต้องสงสัย และไม่ได้ใช้ไปช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ แต่เป็นของที่นำไว้ใช้ทำแผลให้แม่ที่เป็นมะเร็งคอหอย ระยะที่ 3 ต้องทำแผลที่มีการเจาะคอหอย และหน้าท้อง จึงขอชี้แจงเพราะห่วงความรู้สึกของชาวบ้านลำพะยาที่กำลังสูญเสีย และยังเป็นเพื่อนบ้านที่รักกันดี จึงไม่อยากให้เข้าใจผิด เพราะเสียใจกับพี่น้องชาวพุทธด้วย

https://www.facebook.com/TheReportersTH/videos/465403587662990/

Tuesday, November 5, 2019

ซาอุฯ จัดเฉลิมฉลองวันฮัลโลวีนเป็นครั้งแรกในกรุงริยาด


รัฐบาลซาอุฯ ได้จัดเทศกาลเฉลิมฉลองวันฮัลโลวีน ซึ่งเป็นหนึ่งในงานของเทศกาลวัฒนธรรมในกรุงริยาด (Riyadh Season) ที่จัดยาวไปถึง 3 เดือน เพื่อโปรโมทดึงดูดนักท่องเที่ยว

ส่วนในคลิปวีดีโอได้ฉายงาน 'เทศกาลสุดสยอง' (The Horror Festival) เป็นอีกงานหนึ่งที่จัดขึ้นมาเมื่อคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน และทวิตเตอร์ของ @RiyadhSeason ได้โพสต์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2019 ว่า "ตั๋วของงานได้ขายหมดในวันสุดท้าย ส่วนคนที่ไปเที่ยวงานบอกความคิดเห็นของคุณให้เราฟังบ้าง แล้วมีการติดแฮ็ชแท็ก #RiyadhSeason

ที่มาของข้อมูล:
https://www.middleeasteye.net/…/saudi-celebrates-halloween-…

คลิปวีดีโอ:
https://www.facebook.com/zia.jafar.1/videos/10218171288905682/

🎬 คลิปวีดีโอที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้:
งานพาเหรดในกรุงริยาดที่จัดหนึ่งอาทิตย์ก่อนวันฮาโลวีน
https://www.facebook.com/watch/?v=799013813902662

Friday, November 1, 2019

ภาพลับ อส.กับจ่าทหารเมาถือปืนบุกขู่ชาวบ้าน



แฉ! ภาพลับ 2 อส.กับจ่าทหารเมาถือปืนบุกขู่ชาวบ้าน ก่อนยิงพ่อค้าหัวปลาตายคารถ

ที่มา: Amarin TV รายการทุบโต๊ะข่าว

🎬 ข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
https://www.facebook.com/watch/?v=490205461597775

รถกระบะของอส. 2 นาย ประกบยิงพ่อค้าหัวปลาดับคารถ


ถ้าไม่มีกล้องหน้ารถของนายดือรอแม สุรง อายุ 33 ปี หรือบังแม ซึ่งเป็นพ่อค้าขายหัวปลา ที่สามารถบันทึกหน้าคนร้ายที่บันทึกภาพไว้อย่างชัดเจน คาดว่าคนร้ายที่เป็น อส.อ.หาดใหญ่ 2 นาย และมีทหารยศ จ.ส.อ. สังกัดค่ายทหารแห่งหนึ่งอีก 1 นาย คงจะไม่ออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เป็นแน่


บังแม เป็นพ่อค้าหัวปลา เดิมเป็นชาว จ.ปัตตานี แต่มามีภรรยาอยู่ในพื้นที่หมู่ 7 บ้านเหนือ ต.คูเต่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองยาวเข้าที่ศีรษะ แขน ขา และลำตัวรวม 6 นัด และบริเวณจุดเกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 4 ปลอก ตกอยู่บนถนนข้างรถ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยเหตุเกิดบนถนนสายบ้านโหนด - ท่านางหอม พื้นที่หมู่ 2 ต.คูเต่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังจากบังแมถูกยิงคนร้ายได้ขับรถหนีไป แต่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ในภายหลัง


จากการสอบถาม นางมารียะห์ เขปัน อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นภรรยา และเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์มาพบเป็นคนแรก บอกว่า ขณะเกิดเหตุสามีกำลังขับรถกระบะบรรทุกหัวปลาไปส่งโรงงานปลาป่นใน ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา และได้โทรศัพท์มาหาตนด้วยความตกใจ ว่ามีรถกระบะขับตามมา และยิงยางรถยนต์จนแตก และเรียกให้จอดรถ สามีบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานหนึ่งที่บอกให้สามีลงจากรถเพื่อขอตรวจปัสสาวะ แต่สามีไม่ยอมลงบอกว่ารอให้ตนมาก่อน จากนั้นก็ได้ยินเสียงโต้เถียงกัน และขาดการติดต่อไป จึงรีบควบรถจักรยานยนต์มาดู ก็พบว่าสามีถูกยิงเสียชีวิตคารถแล้ว


คนร้ายอ้างกับตำรวจว่า พวกเขาโมโห อารมณ์ค้าง และก็เมาด้วย หลังจากนั้นไปเจอกับบังแม ซึ่งเรียกให้ตรวงปัสสาวะ แต่บังแมขัดขืน เลยลงมือยิงสังหารบังแมตายคารถ



คลิปวีดีโอ – สำนักข่าวไทย https://www.facebook.com/watch/?v=2554523208115092
ข้อมูล: https://mgronline.com/south/detail/9620000104370

กองทัพอิสราเอลสังหารเด็กกาซ่า 50 คน ภายใน 2 วัน

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรยูนิเซฟ UNICEF ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีที่นองเลือดในฉนวนกาซาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย...