มุสลิมได้ถูกอนุญาตให้ทำการอาซานในโบสถ์แห่งหนึ่งที่บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ระหว่างการชุนนุมประท้วง หลังประธานาธิบดีทรัมป์แบนประชาชน 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ
Tuesday, January 31, 2017
มุสลิมได้ถูกอนุญาตให้ทำการอาซานในโบสถ์แห่งหนึ่งที่บอสตัน
มุสลิมได้ถูกอนุญาตให้ทำการอาซานในโบสถ์แห่งหนึ่งที่บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ระหว่างการชุนนุมประท้วง หลังประธานาธิบดีทรัมป์แบนประชาชน 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ
มุสลิมอาซานระหว่างการชุนนุมประท้วงที่ลอนดอน อังกฤษ
มุสลิมอาซานระหว่างการชุนนุมประท้วงที่ลอนดอน อังกฤษ หลังประธานาธิบดีทรัมป์แบนประชาชน 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ
เราจะสังเกตุเห็นได้ว่ามีชาวต่างศาสนิกจำนวนมากที่เข้าร่วมประท้วงยืนฟังเสียงอาซานอย่างสงบเรียบร้อย พร้อมปรบมือชื่นชอบหลังจากจบการอาซาน
ผู้ก่อการร้ายที่กราดยิงมุสลิมที่กำลังยืนละหมาดเสียชีวิต 6 คน เป็นพวกชาตินิยมผิวขาว ไม่ใช่เป็นมุสลิมโมร็อคโกอย่างที่พวกนักการเมืองขวาจัดช่วยกันโหมกระพือข่าว
31/01/2017
โฉมหน้าผู้ก่อการร้ายที่สัง หารมุสลิมไป 6 คนขณะยืนละหมาดที่มัสยิดควิ เบก นายอเล็กซานเดอร์ บิสซอนเนตต์ นักศึกษามหาวิทยาลัยชาวฝรั่ งเศส-แคนาดาวัย 27 ปี ไม่ใช่คนมุสลิม
หลังจากที่ตำรวจจับตัวผู้ต้องสงสัย 2 คนที่กราดยิงมุสลิมเสียชีวิต 6 คนที่กำลังยืนละหมาดอีชาที่มัสยิดควิบิก หนึ่งในผู้ต้องสงสัยในตอนแรกนั้นเป็นมุสลิมโมร็อคโกคือนายมูฮัมหมัด เบนกาดิรฺ ที่ถูกจับกุมได้ใกล้กับมัสยิด ถูกตำรวจปล่อยตัว จากการสอบสวนตำรวจพบว่า เขาเป็นหนึ่งในคนที่ไปละหมาดและโทรเรียกตำรวจ 911 เมื่อเกิดเหตุกราดยิง ตำรวจกันตัวนายมูฮัมหมัดไว้เป็นพยานหลัก
มัสยิดควิบิกเคยมีพวกเกลียดชังอิสลามแอบเอาหัวสุกรมาวางไว้หน้าประตูมัสยิด ในช่วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา
ทันทีทันใดที่ข่าวนี้ออกมา พวกนักการเมืองขวาจัดและสื่อกระแสหลักอย่างเช่น ฟ็อกส์ นิวส์ เชื่อมโยงมือปืนว่าเป็นมุสลิม โดยอ้างว่ามี “พยานหลายคนเล่าว่า มือปืนอย่างน้อย 1 คนตะโกน “อัลลอฮุ อักบัร” ออกมา ประจวบกับการที่ตำรวจจับมุสลิมชาวโมร็อกโคได้ ทำให้ทางเลขาธิการฝ่ายข่าว ฌอน สไปเซอร์ Sean Spicer ของทำเนียบขาว ฉวยโอกาสอ้างความชอบธรรมที่ประธาธิบดีทรัมป์สั่งแบนมุสลิม 7 ประเทศเข้าสหรัฐฯ
สำนักข่าวฟ็อกส์นิวส์ของอเม ริกัน รายงานข่าวเท็จว่ามือปืนเป็นชาวโมร็อคโก
ผู้สนับสนุนทรัมป์โพสต์ทวิตเตอร์กล่าวหาว่ามือปืนเป็นมุสลิมโมร็อคโก
เว็ปไซต์พวกขวาจัด พวกนิยมผิวขาวไวท์เนชั่นแนลลิส รายงานข่าวเท็จว่ามือปืน เป็นมุสลิมโมร็อคโค คือมูฮัมหมัด กอดิรฺ และนายอเล็กซานเดอร์ บิสซอนเนตต์
แต่ความเป็นจริงแล้ว มือปืนกลับเป็นคนผิวขาว คือนายอเล็กซานเดอร์ บิสซอนเนตต์ นักศึกษามหาวิทยาลัยชาวฝรั่งเศส-แคนาดาวัย 27 ปี ไม่ใช่คนมุสลิม เขาเป็นพวกชาตินิยมฝ่ายขาวที่สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ และมารีน เลอ แปน ประธานพรรคเนชันแนลฟรอนท์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัดของฝรั่งเศส เขายัง เป็นผู้ที่สนับสนุนทหารอิสราเอลที่ก่อการร้ายต่อชาวปาเลสไตน์ เป็นคนต่อต้านผู้ลี้ภัย และพวกสิทธิสตรี
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด กล่าวปราศรัยต่อหน้าประชาชน จำนวนมากที่มารวมตัวกันที่ Ste-Foy ตำบลหนึ่งของเมืองควิเบก เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหยื ่อที่เป็นชาวมุสลิมที่ถูกพว กชาตินิยมผิวขาว นายอเล็กซานเดอร์ บิสซอนเนตต์ นักศึกษามหาวิทยาลัยชาวฝรั่ งเศส-แคนาดาวัย 27 ปี ยิงเสียชีวิต 6 คนและบาดเจ็บหลายคน ขณะยืนละหมาดในมัสยิดควิเบก แคนาดา
ชาวแคนาดาจำนวนมากร่วมตัวกั นทั่วแคนาดา จุดเทียนไว้อาลัยต่อเหยื่อก ่อการร้ายที่ถูกพวกชาตินิยม ผิวขาวยิงมุสลิมเสียชีวิต 6 คนที่ยืนละหมาดในมัสยิดควิเบก แคนาดา
นายอเล็กซานเดอร์ ถูกตำรวจตั้งข้อหาฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 6 ข้อหาและ พยายามฆ่าอีก 5 ข้อหา แต่กลับไม่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีแคนาดาได้ออกมายอมรับว่าเป็นการก่อการร้ายต่อชาวมุสลิมก็ตาม
ที่มา –
Suspect in Quebec Mosque Attack Quickly Depicted as a Moroccan Muslim. He’s a White Nationalist.
https://theintercept.com/…/suspect-in-quebec-mosque-attack…/
https://theintercept.com/…/suspect-in-quebec-mosque-attack…/
Monday, January 30, 2017
มุสลิมอย่างน้อย 6 คนถูกยิงเสียชีวิต ขณะยืนละหมาดอยู่ในมัสยิดควิเบก แคนาดา
30/01/2017
เมื่อเวลา 20.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันอาทิตย์ เมื่อผู้ก่อการร้าย 3 คนกราดยิงมุสลิมที่กำลังยืนละหมาดอีชาร่วมกัน 40 คน ในมัสยิดของศูนย์วัฒนธรรมอิสลามเมืองควิเบก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 คนและบาดเจ็บ 8 คน
ตำรวจกล่าวว่าจับตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน
ตำรวจกล่าวว่าจับตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน
นายกรัฐมนตรีของแคนาดา นายจัสติน ทรูโด ประณามเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่าเป็น “ก่อการร้าย ต่อชาวมุสลิมในที่ศาสนสถานที่ใช้กราบไหว้พระผู้เป็นเจ้า และเป็นสถานที่ที่นับว่าปลอดภัย”
นายกเทศมนตรีของรัฐควิเบก นายฟิลิปส์ คูวล๊าด Philippe Couillard โพสต์ในทวิตเตอร์ว่าเป็นการ “ก่อการร้าย” และเรียกร้องให้ชาวแคนาดาร่วมกันแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวควิเบกที่นับถือศาสนาอิสลาม
ประธานมัสยิด นายมูฮัมหมัด ยังกุ๊ว Mohamed Yangui ผู้ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ประณามว่าเป็นการใช้ความรุนแรงที่ป่าเถื่อนต่อผู้มานมัสการพระผู้เป็นเจ้า นายมูฮัมหมัดได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีอัลญะซีเราะฮฺทางโทรศัพท์ “หนึ่งในคณะกรรมการโทรหาผมว่ามีการยิงผู้มาละหมาด ผมยังรู้สึกช็อค แล้วรีบวิ่งไปมัสยิด...มีพยานบอกผมว่าหนึ่งในมือปืนผู้ก่อการร้ายถูกจับกุมในที่เกิดเหตุ ในขณะที่อีกคนถูกจับตัวได้ในบริเวณใกล้เคียงมัสยิด”
เกร็ก เฟอร์กัส Greg Fergus สส.ของควิเบก โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า “การก่อร้ายในครั้งนี้เป็นผลกระทบมาจากอิสลามโมโฟเบียที่เกิดขึ้นกับชาวมุสลิมในแคนาดามาเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว”
การก่อการร้ายในครั้งนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่มีการประท้วงของชาวอเมริกันทั่วสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์เซ็นลงนามคำสั่งแบนพลเรือนจาก 7 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐฯ
ที่มา –
Quebec City mosque attack: Six dead and eight injured
Saturday, January 28, 2017
ชาวอเมริกันจำนวนมากแห่ประท้วงที่สนามบินนานาชาติทั่วสหรัฐฯ หลังจากมุสลิมจาก 7 ประเทศที่ถูกทรัมป์แบน ถูกกักตัวที่สนามบิน
29/01/2017
หลังจากโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เซ็นลงนามเมื่อวันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2017 โดยมีคำสั่งห้ามพลเรือนจาก 7 ประเทศมุสลิม ได้แก่อิรัก, ซีเรีย, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซูดาน เยเมน และอิหร่าน เข้าสหรัฐฯ เป็นเวลาอย่างน้อย 120 วัน ซึ่งทรัมป์ได้เน้นย้ำว่ามาตรการนี้จะปกป้องชาวอเมริกันให้ปลอดภัยจากการภัยก่อการร้าย
ปรากฏว่ามีชาวอเมริกันจำนวนมากแห่กันมาที่สนามบินนานาชาติต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ เพื่อประท้วงต่อต้านคำสั่งทรัมป์ และเพื่อเป็นการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับมุสลิมทั้ง 7 ประเทศที่ถูกแบน เมื่อพวกเขาทราบว่ามีผู้โดยสารที่มาจาก 7 ประเทศดังกล่าวมากกว่า 100 คน ถูกกักตัวที่สนามบินไม่ว่าจะเป็นที่สนามบินจอห์น เอฟ แคนาดี้ และสนามบินนานาชาติอื่นๆ ทั่วสหรัฐฯ
ผู้ที่มาประท้วงกล่าวว่า พวกเขาจะไม่ออกจากสนามบิน จนกว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะปล่อยตัวมุสลิมที่ถูกกักตัวที่สนามบินทั้งหมดออกมาเสียก่อน
ผลกระทบจากคำสั่งแบนได้เกิดขึ้นทันที เมื่อสายการบินหลายๆ แห่งของตะวันออกกลางเช่น เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มกราคม สายการบินอียิปต์ แอร์ ห้ามผู้โดยสารชาวอิรัก 5 คน และชายเยเมน 1 คน ขึ้นเครื่องจากกรุงไคโรมายังนิวยอร์ก
มิใช่แค่ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพที่ถูกแบนห้ามเข้าสหรัฐฯ แต่รวมทั้งผู้เข้าประเทศสหรัฐฯ ที่มีวีซ่าถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักธุรกิจ เด็กนักเรียนต่างชาติ นักท่องเที่ยว ที่มาจาก 7 ประเทศดังกล่าว แม้กระทั่งพลเรือนที่ถือกรีนการ์ดในประเทศสหรัฐฯ จาก 7 ประเทศที่ถูกแบนจะถูกเช็คประวัติโดยละเอียดเสียก่อน
คำสั่งทรัมป์ ได้ควบคุมไปถึงผู้ถือพาสปอร์ตจากประเทศออสเตรเลีย และประเทศตะวันตกต่างๆ ที่ผู้ถือพาสปอร์ตถือสองสัญชาติหรือเกิดในประเทศที่ถูกแบนทั้ง 7 ประเทศ
ที่มา -
https://www.nytimes.com/…/refugees-detained-at-us-airports-…
http://www.abc.net.au/…/us-green-card-holders-donal…/8220838
ทวิตเตอร์ –
ผู้ประท้วงชาวอเมริกันจำนวนมากรวมตัวกันที่สนามบินนานาชาติ จอห์น เอฟ แคนาดี้ ในนิวยอร์ค
https://www.nytimes.com/…/refugees-detained-at-us-airports-…
http://www.abc.net.au/…/us-green-card-holders-donal…/8220838
ทวิตเตอร์ –
ผู้ประท้วงชาวอเมริกันจำนวนมากรวมตัวกันที่สนามบินนานาชาติ จอห์น เอฟ แคนาดี้ ในนิวยอร์ค
Friday, January 27, 2017
เพจองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติใส่ร้ายมุสลิมอยู่เบื้องหลังออกกฏสั่งห้ามแท๊กซี่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแขวนพระในรถ
เมื่อวันที่ 19 – 20 ธันวาคม 2559 เพจองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนา
แห่งชาติหรืออพช. ได้โพสต์ข้อความใส่ร้ายป้ายสีว่า
มุสลิมเป็นผู้อยู่เบื้องหลังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ออกกฏสั่งห้ามแท๊กซี่แขวนพระในรถยนต์
พร้อมด้วยการโพสต์รูปท่านจุฬาราชมนตรีที่ถูกเชิญมาเป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการห้องละหมาดอย่างเป็นทางการที่สนามบินดอนเมือง
ทั้งข้อความและรูปภาพของท่านจุฬาที่มาเป็นประธานเปิดงานที่สนามบินดอนเมือง บ่งบอกถึงการชี้แนะให้ลูกเพจเห็นพ้องกันว่า มุสลิมเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการการสั่งห้ามแท๊กซี่แขวนพระในรถยนต์จริงๆ ทั้งๆ เรื่องท่านจุฬาไปเปิดงานที่สนามบินดอนเมือง และเหตุข่าวลือที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิห้ามแท๊กซี่แขวนพระในรถเป็นคนละเรื่องกันเลย แต่ทางเพจองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาก็ยังจับเอาเรื่องทั้งคู่มารวมกันให้เป็นเรื่องเดียวกันได้ และสมาชิกเพจยังเชื่ออย่างไม่ต้องการที่จะทราบข้อเท็จแต่ประการใด
ทั้งนี้ นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ออกมาชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2559 ว่า มิได้มีการสั่งห้ามรถแท๊กซี่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้แขวนพระเครื่องแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 ทางองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิในกรณีที่มีข่าวการสั่งห้ามแท๊กซี่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิได้รับเรื่องเอาไว้ และจะมีการชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการมายังทางองค์กรอพช. อีกต่อไป
ที่มา -
1.
2. สุวรรณภูมิแจง ไม่ได้ห้ามแท็กซี่แขวนพระ-พกน้ำดื่ม ยันท่าอากาศยานไม่มีเรียกเก็บเงิน http://www.matichon.co.th/news/404441
3. ทุบโต๊ะข่าว : ไม่จริง! สุวรรณภูมิไม่เคยห้ามแท็กซี่แขวนพระ-พกน้ำดื่ม ย้ำเรียกเก็บเงินก็ไม่มี - 23/12/59 https://www.youtube.com/watch?v=4LR3trpeST4
ทั้งข้อความและรูปภาพของท่านจุฬาที่มาเป็นประธานเปิดงานที่สนามบินดอนเมือง บ่งบอกถึงการชี้แนะให้ลูกเพจเห็นพ้องกันว่า มุสลิมเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการการสั่งห้ามแท๊กซี่แขวนพระในรถยนต์จริงๆ ทั้งๆ เรื่องท่านจุฬาไปเปิดงานที่สนามบินดอนเมือง และเหตุข่าวลือที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิห้ามแท๊กซี่แขวนพระในรถเป็นคนละเรื่องกันเลย แต่ทางเพจองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาก็ยังจับเอาเรื่องทั้งคู่มารวมกันให้เป็นเรื่องเดียวกันได้ และสมาชิกเพจยังเชื่ออย่างไม่ต้องการที่จะทราบข้อเท็จแต่ประการใด
ทั้งนี้ นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ออกมาชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2559 ว่า มิได้มีการสั่งห้ามรถแท๊กซี่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้แขวนพระเครื่องแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 ทางองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิในกรณีที่มีข่าวการสั่งห้ามแท๊กซี่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิได้รับเรื่องเอาไว้ และจะมีการชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการมายังทางองค์กรอพช. อีกต่อไป
ที่มา -
1.
2. สุวรรณภูมิแจง ไม่ได้ห้ามแท็กซี่แขวนพระ-พกน้ำดื่ม ยันท่าอากาศยานไม่มีเรียกเก็บเงิน http://www.matichon.co.th/news/404441
3. ทุบโต๊ะข่าว : ไม่จริง! สุวรรณภูมิไม่เคยห้ามแท็กซี่แขวนพระ-พกน้ำดื่ม ย้ำเรียกเก็บเงินก็ไม่มี - 23/12/59 https://www.youtube.com/watch?v=4LR3trpeST4
Friday, January 6, 2017
ตำรวจคุมตัวทำแผนคนร้ายแทงคอเพื่อชิงไอโฟน
ชาวบ้านทนไม่ไหว ตบศีรษะ 'ไอ้ตั้ม' อย่างแรง ขณะตำรวจคุมตัวทำแผนรอบ2
บริเวณปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 หลังสามารถตามรวบคู่หูผู้ร่วมก่อเหตุได้
ที่มา - ไทยรัฐ
ที่มา - ไทยรัฐ
Thursday, January 5, 2017
⛔ เปิดคลิปนาทีสยอง โจรเหี้ยมใช้มีดจ้วงแทงคอเหยื่อหนุ่มดับกลางถนน ชิงไอโฟน! ตร.เร่งล่าตัว
อัพเดทล่าสุด -
ศาลอาญาออกหมายจับแล้ว 2 คนร้ายแทงหนุ่มดับ หน้าปากซอยสุคนธสวัสดิ์27
*************************************************************************************
วันที่ 5 มกราคม 2560 - 13:41 น.
จากกรณีนายวศิน เหลืองแจ่ม อายุ 26 ปี ถูกคนร้ายรูปร่างท้วม ผิวคล้ำ ล็อกคอจากทางด้านหลัง และใช้อาวุธมีดแทงจนเสียชีวิต บริเวณปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. หลังออกมาซื้อของทึ่ 7-11 ก่อนคนร้ายจะวิ่งไปขึ้นรถจยย.ของคนร้ายอีกคนที่จอดรถรออยู่ ขับหลบหนีออกไปทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม เมื่อช่วงเวลา 23.00 น.ของวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 ม.ค. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น พร้อมด้วยพ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ รองผบก.น.2 รรท.ผกก.สน.โคกคราม, พ.ต.ท.สุวรรณ ผลอินทร์ รองผกก.(สอบสวน) สน.โคกคราม,พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน รองผกก.สส.สน.โคกคราม, พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ช่วยวงศ์ สว.สส.สน.โคกคราม เข้าร่วมประชุมคดีดังกล่าวโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ได้ตรวจสอบพยานบุคคล และตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่า เชื่อว่าคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์ แต่จะยังไม่ตัดประเด็นอื่น ว่าจะมีปัญหาส่วนตัวหรือไม่ แต่เชื่อว่าเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์เท่าที่ตรวจสอบคนร้ายมี 2 ราย และใช้จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ยี่ห้อยามาฮ่า แบบผู้ชาย เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ
ปัจจัยที่ทำให้เชื่อว่าเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์นั้น มาจากการสอบถามทางญาติ พ่อแม่พี่น้องต่างๆ อีกทั้งพิิจารณาว่าหากคนร้ายจะเอาชีวิตส่วนมากจะใช้ปืน แต่ในครั้งนี้ใช้มีด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ส่วนเหตุผลที่คนร้ายประสงค์ชีวิตนั้น คาดว่าในส่วนของตัวผู้ตายในช่วงเกิดเหตุอาจมีการต่อสู้กันจนทำร้ายจนถึงแก่ความตาย
ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน เข้าไปดำเนินการเพื่อพิสูจน์ทราบในเรื่องนี้อย่างชัดเจน ทรัพย์สินที่ได้ไปนั้นเป็นมือถือไอโฟน 1 เครื่อง เนื่องจากผู้ตายเป็นคนพกโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา หลังเกิดเหตุยังไม่พบโทรศัพท์ดังกล่าว เชื่อว่าคงจะถูกคนร้ายชิงเอาทรัพย์สินไป
ในส่วนของรถยนต์ที่บอกว่าหายไป เบื้องต้นนั้นพบแล้วไม่ได้หายไปไหน ภายในตัวผู้ตายยังพบว่ามีกระเป๋าเงินและยังพบว่ามีเงินอยู่พันกว่าบาท ไม่มีอะไรสูญหายนอกจากโทรศัพท์
เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบริเวณดังกล่าวอยู่หรือไม่ และในส่วนของเส้นทางก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง ขอเวลา 1-2 วันเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบและหาตัวคนร้ายและจะได้ไปจับกุมคนร้ายได้ง่ายขึ้น แต่คาดว่าน่าจะอยู่ภายในกรุงเทพมหานคร
สำหรับผู้ตาย ทราบว่าจบมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านอโศก สุขุมวิท แล้วไปทำงานโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องบินสายการบินแห่งหนึ่ง จนเดือนก.ย.2559 ได้ลาออก จากนั้นในเดือนพ.ย.มาร่วมทำธุรกิจเว็บไซต์กับเพื่อนๆ อยู่ตรงหมู่บ้านพรีเมียร์ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 200 เมตร ซึ่งได้มาคุยธุระกับเพื่อน แล้วออกมาร้านค้าเพื่อหาซื้อบุหรี่ ริมถนน แล้วถูกคนร้ายแทงตายดังกล่าว
ทั้งนี้ ไม่พบว่าคนร้ายสะกดรอยตามผู้ตายแต่อย่างไร อีกทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นคนร้าย 2 คนใช้รถจยย.แบบผู้ชายไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ลงมาใช้มีดจี้ และมีการขัดขืนจึงต่อสู้กันก่อนจนถูกแทงตาย ทรัพย์สินของผู้ตายมีมือถือหายไป 1 เครื่อง ส่วนเงินสดในกระเป๋าประมาณ 1 พันบาทยังอยู่ในกระเป๋ากางเกง คนร้ายอาจจะรีบร้อนหลบหนีไปทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วน)
ทีมสอบสวนจึงติดต่อประสานงานกองทะเบียนประวัติอาชญากรรม และกรมขนส่ง หาเบาะแสประวัติคนร้ายที่ใช้รถ จยย.แบบผู้ชายออกก่อเหตุชิงทรัพย์มาประกอบสำนวนการสอบสวนด้วย
ที่มาของข่าวและคลิปวีดีโอ -
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_171461
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_171461
Subscribe to:
Posts (Atom)
กองทัพอิสราเอลสังหารเด็กกาซ่า 50 คน ภายใน 2 วัน
แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรยูนิเซฟ UNICEF ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีที่นองเลือดในฉนวนกาซาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย...
-
โดย มุสลิมะฮฺ ออสเตรเลีย ยาสมิน โพราต ( Yasmin Porat) หญิงอิสราเอลซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากการปะทะนองเลือดระหว่างกลุ่มฮามาสและกองกำลังอิสรา...
-
⚠️ ด่วน! กองกำลังยึดครองอิสราเอลหรือไอดีเอฟ ตั้งใจทิ้งระเบิดถล่มบริเวณสนามหญ้าของรพ.อัลอะฮฺลีอาหรับ ในกาซ่า ที่ชาวปาเลสไตน์ใช้รพ.เป็นที่ลี้ภ...
-
เมื่อคืนวันพุธที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา กองกำลังอิสราเอลบุกโจมตีชาวปาเลสไตน์ที่เสร็จจากการไปละหมาดตะรอเวียะฮฺที่มัสยิดอัลอักซอมา ด้วยการปาระเ...